1. ให้อธิบายเกี่ยวกับว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับCAT บ้าง บริการของ CAT มีอะไรบ้าง
1. cat wifi บริการ CAT WiFi อินเทอร์เน็ตไร้สายจาก CAT
2.CAT net บริการส่ง e-mail ค้นหาข้อมูลอะไรหรือ Chat ได้ที่ต้องการด้วยบัตร CAT net อินเทอร์เน็ตสาธารณะ จาก CAT
3.CAT 4sms เป็นบริการส่งข้อความสั้น ๆ ผ่านเว็บไซต์ www.cat4sms.com ไปยังโทรศัพท์มือถือ ทุกค่ายทั่วไทย
4.CAT EDI หรือ Electronic Data Interchange คือบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลเอกสารทางธุรกิจ ที่มีรูปแบบเอกสารเป็นมาตรฐานที่แน่นอนระหว่างคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีความน่าเชื่อถือ รวดเร็ว ประหยัด
5.CA หรือ Certificate Authority : ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Certificate )ที่ใช้บ่งบอกถึงความมีตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้ใบรับรอง รวมทั้งระบบหรือเครือข่าย ที่ทำการติดต่อด้วยนั้นมีตัวตนจริง โดยอาศัยเทคโนโลยี ทำให้ผู้ประกอบ
ธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต มีความมั่นใจในการทำธุรกรรม
6. CAT e-learning เป็นระบบสื่อสารสนเทศทางการศึกษาอิเล็กทรอนิกส์โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (www.cat2learn.com) เป็นที่ยอมรับของสถาบันการศึกษา
7. CAT ON Net เป็นบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ให้บริการที่ทำให้เกิดการสูญเสียของสัญญาณน้อยมาก จึงทำให้สามารถ รับ-ส่ง ได้ระยะทางไกล
8.CAT IDC บริการอินเทอร์เน็ตแบบครบวงจร ตั้งแต่ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย
2.ให้อธิบายคำว่า service mind
Service Mind ถือเป็นหัวใจสำคัญของงานบริการ คนที่ทำงานบริการจะต้องให้บริการแก่ลูกค้าด้วยจิตใจที่รักงานบริการอย่างเต็มเปี่ยม และแสดงออกให้ลูกค้าเห็นถึงความเอาใจใส่ของคุณที่มีต่อลูกค้าให้สมกับที่เป็นพนักงานบริการลูกค้า โดยคำว่า Service Mind สามารถแยกออกเป็น 11 คำ ตามตัวอักษร ได้ดังนี้
“เซอร์วิซ (Service) หรือบริการ:
S (smile) ยิ้มแย้มเข้าไว้ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกดี ๆ เวลาเข้ามารับบริการจากเรา ฝึกยิ้มบ่อย ๆ โดยฝึกยิ้มกับกระจก เวลาพูดให้มองกระจกไปด้วย ยิ้มไปเพื่อให้เกิดรอยยิ้มในน้ำเสียง แม้ไม่ได้เห็นหน้ากันก็สามารถรับรู้ได้ว่าคนพูดกำลังยิ้มอยู่
R (rapidness) รวดเร็วและมีคุณภาพ ยุคนี้ทุกอย่างต้องรีเร่งแข่งขันกัน ใครให้บริการได้รวเร็วทันใจกว่าย่อมได้เปรียบ
V (value) ไม่ว่าจะทำอะไรต้องคำนึงถึงมูลค่าเพิ่มด้วย ทำอย่างไรให้บริการของเราเกิดคุณค่าสูงสุด ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด และปรารถนาจะกลับมาใช้บริการอีก และจะทำอย่างไรจึงจะปรับเปลี่ยนให้งานในส่วนของเราให้มีคุณค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
I (impression) ทำช่วงเวลาแรกพบให้น่าประทับใจมากที่สุด ดูแลในเรื่องบุคลิก การแต่งกายให้สะอาด สุภาพ ถูกกาลเทศะ ดูดีในภาพรวม เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจตั้งแต่แรกพบ
C (Courtesy) ความสุภาพอ่อนโยนทำให้ผู้ที่พบเห็นหรือมีปฏิสัมพันธ์ด้วย รู้สึกประทับใจในความอ่อนน้อมถ่อมตน สำหรับคนไทยการยกมือไหว้ เป็นมารยาทอันงดงามที่จะทำให้ผู้ใหญ่เกิดความรักใคร่เอ็นดู
E (Endurance) ความอดทน จำเป็นมากสำหรับงานบริการ เพราะลูกค้ามีหลากหลายรูปแบบ บางคนมาแบบอารมณ์ร้อน เราก็ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ เอาน้ำเย็นเข้าลูบ จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
ต่อไปเป็นคำว่า “มายด์ (Mind)” หรือจิตใจ:
M (make believe) การมีความเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง ดีงาม ทำให้คนเรามีความสุข เชื่อในงานที่ทำ มีความสุขและรักในงานบริการ เพื่อให้เกิดการบริการที่ดีที่สุด ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเรา
I (insist) ยืนหยัดในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคปัญหาสักกี่ครั้ง ก็ไม่ท้อถอย แม้เจอลูกค้าตำหนิ ต่อว่า หรือลูกค้าเอาแต่ใจ ก็ต้องอดทน และจะประสบความสำเร็จในที่สุด
N (necessitate) เพราะลูกค้าคือคนสำคัญ และต้องการได้รับการดูแลจากเราเป็นอย่างดี เราต้องทำให้ลูกค้าทุกคนเป็นคนพิเศษ ไม่แบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง
D (devote) อุทิศตนให้กับงานที่ทำ ทุ่มเททำงานด้วยหัวใจบริการอย่างเต็มที่ สักวันก็จะมีความเห็นความตั้งใจจริงของเรา ลูกค้ารัก เพื่อนร่วมงานชื่นชอบ เจ้านาย
ชื่นชม
ทั้ง 11 คุณสมบัติของ Service Mind ที่กล่าวมานี้ คือ หัวใจของงานบริการที่คนทำงานบริการพึงมี เพื่อการเป็นพนักงานบริการลูกค้าที่ดี สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าเมื่อเข้ามารับบริการจากคุณ และเมื่อคุณสามารถมัดใจลูกค้าไว้ได้ คุณก็จะได้ลูกค้าที่ภักดี และไม่เปลี่ยนใจจากคุณไปไหน
3.ขั้นตอนกระบวนการร้องเรียน ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไรบ้าง
กรณี "การร้องเรียนต่อผู้ให้บริการโดยตรง"
1. กรณีที่ผู้บริโภคได้รับความเสียหายยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการต้องออกหนังสือแจ้งการรับเรื่องร้องเรียน พร้อมแจ้งสิทธิให้ผู้ร้องเรียนทราบภายใน 7 วัน
2. ถ้าผู้ให้บริการตรวจเรื่องร้องเรียน ปรากฏว่าเรื่องร้องเรียนไม่มีมูล ผู้ให้บริการต้องทำหนังสือแจ้งให้กับผู้ร้องเรียนทราบภายใน 14 วัน พร้อมแสดงเหตุผลที่ไม่รับพิจารณาเรื่องร้องเรียน และแจ้งสิทธิในการร้องเรียนต่อ กทช. และหน่วยงานอื่น โดยระบุสถานที่ติดต่อและเลขหมายโทรศัพท์ของหน่วยงานนั้นๆ ให้ทราบโดยชัดเจน
3. แต่หากผู้ร้องเรียนยังคงเห็นว่าเรื่องร้องเรียนมีมูล เป็นสาระ หรือสมเหตุสมผล ผู้ร้องเรียนสามารถส่งเรื่องให้ กทช. พิจารณา และ สบท. จะเป็นผู้แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องเรียนและผู้ให้บริการทราบภายใน 14 วัน และถ้าผลปรากฏว่าเรื่องร้องเรียนมีมูล ให้ผู้ให้บริการดำเนินการแก้ไขต่อไป
4. ผู้ให้บริการต้องแก้ไขข้อร้องเรียนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ยกเว้นแต่มีเหตุสุดวิสัย ไม่อาจดำเนินการให้แล้วเสร็จ จะต้องแจ้งความคืบหน้าและกำหนดเวลาที่คาดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จทุก 10 วัน
5. กรณีผลการเจรจาระหว่างผู้ให้บริการและผู้ร้องเรียนไม่ได้ข้อยุติ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ผู้ให้บริการต้องเสนอรายงานกระบวนการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน บันทึกการเจรจารายละเอียดพยานหลักฐานทั้งหมดให้ สบท. ทราบภายใน 3 วัน นับจากวันที่การเจรจาตกลงเสร็จสิ้น เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนและระงับข้อพิพาทโดย กทช. ต่อไป
กรณี "ร้องเรียนต่อสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม"
1. กรณีผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสบท. หลังจากสบท.ตรวจสอบและรับเรื่องร้องเรียนแล้ว สบท. ต้องออกหนังสือแจ้งการรับเรื่องร้องเรียน ให้แก่ผู้ร้องเรียนทราบภายใน 7 วัน
2. ให้ สบท. ดำเนินการแก้ไขข้อร้องเรียน ระหว่างผู้ร้องเรียน และผู้ให้บริการ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
3. กรณีที่ได้ข้อยุติ ให้ สบท. ให้ความช่วยเหลือแก่คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
4. กรณีไม่ได้ข้อยุติ ให้ สบท. สรุปข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และข้อพิจารณาเสนอต่อกรรมการสถาบันวินิจฉัย และนำเสนอต่อ กทช. เพื่อพิจารณาต่อไป
5. เรื่องร้องเรียนดังต่อไปนี้ สบท. จะไม่รับไว้พิจารณา และจะทำการแจ้งผู้ร้องเรียนต่อไป
- เรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของผู้ให้บริการ
- เรื่องที่ผู้ให้บริการได้แก้ไขปัญหาจนผู้ร้องเรียนพอใจแล้ว
- เรื่องที่กทช.ได้วินิจฉัยหรือระงับข้อพิพาทแล้วหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์
- เรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในศาล
4. GCC คืออะไร อธิบายบทบาทหน้าที่มาอย่างสังเขป
ชุดแปลโปรแกรมของกนู (อังกฤษ: GNU Compiler Collection) หรือเรียกโดยย่อว่า จีซีซี (อังกฤษ: GCC) เป็นชุดโปรแกรมแปลโปรแกรมสำหรับแปลภาษาโปรแกรมต่าง ๆ พัฒนาโดยโครงการกนู (GNU) และแจกจ่ายเป็นซอฟต์แวร์เสรีภายใต้สัญญาอนุญาตแบบ GPL และ LGPL โดยชุด GCC ถือว่าเป็นชุดคอมไพเลอร์มาตรฐานในระบบปฏิบัติการแบบยูนิกซ์ อย่างเช่น ลินุกซ์ หรือ Mac OS X เป็นต้น
ชื่อเดิมของ GCC คือ GNU C Compiler เนื่องจากในระยะแรกถูกพัฒนาขึ้นเป็นคอมไพเลอร์ของภาษาซีเท่านั้น แต่ในภายหลังเมื่อได้พัฒนาให้สนับสนุนภาษาโปรแกรมอื่นๆ มากขึ้น จึงเปลี่ยนชื่อเพื่อให้สื่อครอบคลุมความหมายมากกว่าเดิม
GCC เริ่มพัฒนาใน ค.ศ. 1985 โดยริชาร์ด สตอลแมน ซึ่งเขาเริ่มจากการแปลงคอมไพเลอร์ของภาษา Pastel (ส่วนขยายของภาษาปาสกาล) ให้ใช้กับภาษาซีได้ GCC ถูกเขียนขึ้นมาใหม่อีกครั้งโดยใช้ภาษาซีทั้งหมด เพื่อเป็นคอมไพเลอร์สำหรับภาษาซีและเป็นส่วนสำคัญของโครงการกนูในยุคแรก ซึ่งทิศทางการพัฒนากำหนดโดย Free Software Foundation
ใน ค.ศ. 1997 กลุ่มนักพัฒนา GCC จำนวนหนึ่งไม่พอใจการพัฒนาของ GCC สายหลักที่ล่าช้า จึงแยกตัวออกมาพัฒนา EGCS (Experimental/Enhanced GNU Compiler System) ทำให้การพัฒนาเกิดขึ้นรวดเร็วกว่า GCC เดิมมาก ในปี ค.ศ. 1999 EGCS กลายมาเป็น GCC เวอร์ชันหลักแทน GCC เก่าในท้ายที่สุด
นอกจากจะเป็นคอมไพเลอร์มาตรฐานบนระบบปฏิบัติการแบบยูนิกซ์แล้ว GCC ยังถูกนำมาแปลงให้ใช้ได้บนระบบปฏิบัติการอื่นๆ เช่น NeXTSTEP และ Mac OS X รวมถึงระบบฝังตัวอื่นๆ เช่น Symbian, PlayStation และDreamcast เป็นต้น
โครงสร้างการทำงาน
GCC ทำงานโดยใช้บรรทัดคำสั่ง ผู้ใช้มักเรียกโปรแกรมโดยการเรียกโปรแกรมที่ชื่อ gcc พร้อมทั้งใส่ตัวเลือกต่างๆ ทางพารามิเตอร์ในบรรทัดคำสั่ง โปรแกรมนี้จะวิเคราะห์ภาษาที่ใช้จากนามสกุลของไฟล์ แล้วเรียกพรีโพรเซสเซอร์, คอมไพเลอร์, แอสเซมเบลอร์ และ ลิงเกอร์ มาทำงานตามลำดับ แต่ผู้ใช้สามารถสั่งให้ทำงานเฉพาะบางขั้นตอนข้างบนจากพารามิเตอร์ได้[2]
พรีโพรเซสเซอร์ ที่ใช้เป็นโปรแกรมหนึ่งใน GCC มีชื่อว่า cpp เรียกใช้ก็ต่อเมื่อจะคอมไพล์โปรแกรมที่เขียนในบางภาษา เช่น C หรือ C++ เป็นต้น
ใน GCC แยกคอมไพเลอร์แต่ละภาษาออกเป็นคนละโปรแกรม ตัวอย่างเช่น คอมไพเลอร์ภาษา C จะเป็นโปรแกรมที่ชื่อ cc1 โครงสร้างภายในคอมไพเลอร์แต่ละภาษาแบ่งเป็นสามส่วนเหมือนกัน ได้แก่ ฟรอนต์เอ็นด์ (frontend) มิดเดิลเอ็นด์ (middle-end) และ แบ็คเอ็นด์ (backend)[3][4]
ส่วน แอสเซมเบลอร์ และ ลิงเกอร์ นั้นไม่รวมอยู่ในชุดโปรแกรม GCC ในระบบกนูโปรแกรมทั้งสองจะอยู่ในอีกชุดโปรแกรมหนึ่ง คือ binutils แอสเซมเบลอร์ ทำหน้าที่แปลภาษาแอสเซมบลี เป็นภาษาเครื่อง ในขณะที่ ลิงเกอร์ ทำหน้าที่รวมไฟล์ภาษาเครื่อง ซึ่งอาจมีหลายไฟล์ และไลบรารีเข้าด้วยกัน เป็นโปรแกรมที่สมบูรณ์สามารถทำงานได้
5. สปน. คืออะไร อธิบายมาเหมือนข้างบน
สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นส่วนราชการของรัฐบาลไทย มีฐานะเทียบเท่ากระทรวง ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รับผิดชอบการบริหารราชการทั่วไป เสนอแนะนโยบายและวางแผนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคง และราชการเกี่ยวกับงบประมาณ ระบบราชการ การบริหารงานบุคคล กฎหมายและการพัฒนากฎหมาย การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการ การปฏิบัติภารกิจพิเศษ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรี หรือส่วนราชการที่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือที่มิได้อยู่ภายในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงใดโดยเฉพาะ
6. กทช. คืออะไร อธิบายมา
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) หน้าที่ กทช. คืออะไร กทช. จะทำหน้าที่เป็นกรรมการกำกับดูแลกิจากรด้านกิจการโทรคมนาคมของประเทศ เช่น
1. ออกใบอนุญาตใหม่ให้ผู้ที่จะมาลงทุนในกิจการโทรคมนาคม อย่างเช่นโทรศัพท์มือถือ
2. แปรสัญญาโทรคมนาคม เพราะสัญญาที่ทำไว้เดิมกับ องค์การโทรศัพท์ก็ดี หรือ สัญญาร่วมการงานเดิมทำไว้กับ การสื่อสารแห่งประเทศไทย ไว้ก็ดี ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องดูถึงความยุติธรรมและความเป็นไปได้ของการแปรสัญญาเหล่านี้ให้ถูกต้องยุติธรรม
3. ต้องมีการประกาศใช้ค่าเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อให้รายใหม่ที่จะมาลงทุนได้มีต้นทุนที่คำนวณได้ในอดีตที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐ คือ องค์การโทรศัพท์การสื่อสารแห่งประเทศไทย ได้เป็นผู้ดูแลกำกับ และได้รับผลประโยชน์ในการใช้คลื่นความถี่ เอกชนที่จะมาทำกิจการด้านโทรคมนาคมต้องมาทำสัญญากับสององค์กรนี้ ถ้าเรื่องของโทรศัพท์ก็ทำกับองค์การโทรศัพท์ ถ้าเรื่องของโทรคมนาคมการโทรศัพท์ทางไกลก็ทำกับการสื่อสารแห่งประเทศไทย พอมีรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีองค์กรอิสระดูแลกิจการโทรคมนาคม องค์การโทรศัพท์ การสื่อสารแห่งประเทศไทยก็เลยต้อง เปลี้ยนไปเปลี่ยนจากผู้กำกับดูแลกิจการ เป็นผู้ดำเนินการ ต้องธุรกิจแข่งกับเอกชน เดิมองค์การโทรศัพท์เก็บค่าโทรศัพท์ค่าเช่าวงจร การสื่อสารแห่งประเทศไทยเก็บค่าเชื่อมโครงข่าย พอมาเป็นผู้ปฎิบัติเสียเองก็เลยต้องปรับตัวเอง เราจึงได้เห็นมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมาเป็น บริษัท ทศท.คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) และบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเป็นผู้ให้บริการ ไม่ใช่ผู้กำกับดูแลเหมือนในอดีตเราจึงเห็นมีการลดราคาค่าบริการโทรศัพท์ทางไกลลงมา เพราะต่อจากนี้เป็นต้นไป การจะมาเป็นเสือนอนกินแบบในอดีตไม่ได้เราจึงเห็น บริษัท ทศท. กับบริษัท กสท. ทะเลาะกัน มีความเห็นไม่ตรงกัน เพราะขณะนี้ทั้งคู่จะเป็นผู้ร่วมแข่งขันเหมือนเอกชนรายอื่นๆ เช่น เอไอเอส , ดีแทค หรือ ที เอ ออแรนจ์ ต้องแข่งขันกับเอกชน และคณะกรรมการ กทช.นี้แหละจะทำหน้าที่เป็นคนดูแลความเป็นธรรมในการแข่งขัน ดูแลสัญญาต่าง ๆ ที่ เอกชนทำไว้กับ ภาครัฐ ซึ่งต่างก็มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบที่ต่างกัน เพราะทำในเวลาที่ต่างกัน และมีสัญญาสัมปทานที่แตกต่างกัน ผมจะไม่เรียนว่าใครได้เป็นกรรมการทั้ง ๗ ท่าน ในการเลือกของวุฒิสภา ซึ่งได้ลงมติเลือกไปแล้ว
7. สทบ. คืออะไร อธิบายมา
สทบ. หมายถึง สถาบันการเรียนรู้ ที่เป็นที่พึ่งของประชาชน แบบบูรณาการ 7
" ส " คือ สถาบันการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้กับกองทุนหมู่บ้าน ในการพัฒนาชนบท ในการพัฒนาชุมชน องค์ความรู้ในการดำเนินงาน ในการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้าน ให้ยั่งยืน และโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
" ท " คือ ที่พึ่งของประชาชน ให้บริการด้านกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานกองทุน และการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้านเพื่อให้เกิดความ ยั่งยืน ของกองทุนหมู่บ้าน
" บ " คือ บูรณาการ การนำหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน หน่วยงานอิสระ กองทุนหมู่บ้าน เครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน ผู้ที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือพัฒนา กองทุนหมู่บ้าน อย่างเป็นประโยชน์ แบบบูรณาการณ์ ร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดความยั่งยืนแก่กองทุนหมู่บ้าน บริหารจัดการกองทุน นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคน พัฒนาชนบท พัฒนาชุมชน พัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืนสืบไป
8. สคบ. คืออะไร อธิบายมา
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 ปัจจุบันมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารบี ชั้น 5 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพ
หน่วยงานภายใน
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค แบ่งหน่วยงานภายใน ดังนี้
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ได้บัญญัติไว้ ในมาตรา 10 ให้คณะกรรมการ
คุ้มครองผู้บริโภค มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
1. พิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจ
2. ดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคตามมาตรา 36
3. แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สิทธิ ของผู้บริโภคในกรณีนี้อาจระบุชื่อสินค้า
หรือบริการ หรือชื่อของผู้ประกอบธุรกิจด้วยก็ได้
4. ให้คำปรึกษาและแนะนำแก่คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง และพิจารณาวินิจฉัยการอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง
5. วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องและคณะอนุกรรมการ
6. สอดส่องเร่งรัดพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐให้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนเร่งรัดพนักงาน
เจ้าหน้าที่ให้ดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค
7. ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคที่คณะกรรมการเห็นสมควร หรือมีผู้ร้องขอตามมาตรา 39
8. รับรองสมาคมตามมาตรา 40
9. เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภค และพิจารณาให้ ความเห็น ในเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการ
คุ้มครองผู้บริโภคตามที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมอบหมาย
10. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ในการปฏิบัติหน้าที่นี้ คณะกรรมการอาจมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นผู้ปฏิบัติการหรือเตรียมข้อเสนอมายังคณะกรรมการเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปได้