แนวข้อสอบ
พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาพ.ศ.2547 และแก้ไขเพิ่มเติ่ม
พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547
1. พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. 30 ตุลาคม 2547 ค. 21 พฤศจิกายน 2547
ข. 31 ตุลาคม 2547 ง. 22 พฤศจิกายน 2547
ตอบ ง. 22 พฤศจิกายน 2547
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
(ราชกิจจานุเบกษา21 พฤศจิกายน 2547 )
2. ใครคือผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการพรบ.ฉบับนี้
ก. สมัคร สุนทรเวช
ข. สมชาย วงศ์สวัสดิ์
ค. พันตำรววจโท ทักษิณ ชินวัตร
ง. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
ตอบ ค. พันตำรววจโท ทักษิณ ชินวัตร
3. พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547นี้ให้ยกเลิก พรบ.ใด
ก. พรบ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ.2507
ข. พรบ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ.2537
ค. พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2540
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. พรบ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ.2507
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2507
4. บุคคลใดที่ได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือนในสถาบันอุดมศึกษา
ก. ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
ข. พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
ค. พนักงานในมหาวิทยาลัย
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ก. ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
“ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้รับราชการตามพระราชบัญญัตินี้ โดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือนในสถาบันอุดมศึกษา
5. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
ก. บุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้างให้ทำงานในสถาบันอุดมศึกษา
ข. บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้รับราชการตามพระราชบัญญัตินี้
ค. รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากเงินงบประมาณแผ่นดิน
ง. รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนเงินรายได้ของสถาบันอุดมศึกษา
ตอบ ข. บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้รับราชการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
“พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้างให้ทำงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากเงินงบประมาณแผ่นดินหรือเงินรายได้ของสถาบันอุดมศึกษา
6. พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับกับสถาบันใด
ก. สถาบันอุดมศึกษาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการศึกษาเกี่ยวกับการอาชีวศึกษา
ข. สถาบันอุดมศึกษาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ค. สถาบันอุดมศึกษาทุกสถาบัน
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข
มาตรา 5 พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการศึกษาเกี่ยวกับการอาชีวศึกษาและการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
7. ใครมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. นายกรัฐมนตรี ค. ปลัดกระทรวงศึกษิการ
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ง. ลองปลัดกระทรวง
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
8. ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ากี่ปี
ก. 18 ปีบริบูรณ์ ค. 20 ปีบริบูรณ์
ข. 25 ปีบริบูรณ์ ง. 30 ปีบริบูรณ์
ตอบ ก. 18 ปีบริบูรณ์
มาตรา 7 ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(ก) คุณสมบัติทั่วไป
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์
(3) เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
9. สถาบันอุดมศึกษามีหน้าที่ดำเนินการให้มีการประเมินและพัฒนาข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตามหลักเกณฑ์ของส่วนใดกำหนด
ก. ก.พ. กำหนด ค. ก.พ.อ. กำหนด
ข. สถาบันอุดมศึกษา กำหนด ง. สำนักนายกรัฐมนตรี กำหนด
ตอบ ค. ก.พ.อ. กำหนด
มาตรา 10 สถาบันอุดมศึกษามีหน้าที่ดำเนินการให้มีการประเมินและพัฒนาข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการและวิชาชีพ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.อ. กำหนด
10. ก.พ.อ. คืออะไร
ก. คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ข. คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
ค. กองการข้าราชการพลเรือน
ง. กองการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
ตอบ ข. คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
11. ใครเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รองนายกรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ง. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
12. กรรมการซึ่งจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีไม่น้องกว่ากี่คนและไม่เกินกี่คน
ก. 9คนแต่ไม่เกิน10คน ค. 8คนแต่ไม่เกิน12คน
ข. 8คนแต่ไม่เกิน10คน ง. 9คนแต่ไม่เกิน12คน
ตอบ ข. 8คนแต่ไม่เกิน10คน
มาตรา 11ให้มีคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาคณะหนึ่ง เรียกโดยย่อว่า “ก.พ.อ.” ประกอบด้วย
(1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
(2) ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการ ก.พ. เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
(3) กรรมการซึ่งจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิไม่น้อยกว่าแปดคนแต่ไม่เกินสิบคน
(4) กรรมการซึ่งแต่งตั้งจากนายกสภาสถาบันอุดมศึกษาสองคน อธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาสองคน และผู้แทนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาสองคน เป็นกรรมการ
(5) เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ
13. กรรมการซึ่งจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯมีวาระการดำรงตำแหน่งกี่ปี
ก. 3 ปี ค. 5 ปี
ข. 4 ปี ง. 6 ปี
ตอบ ก. 3 ปี
14. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของ ก.พ.อ.
ก. ออกกฎ ก.พ.อ. ระเบียบ หรือข้อบังคับตามพระราชบัญญัตินี้
ข. เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
ค. กำหนดกรอบอัตรากำลัง และอัตราส่วนสูงสุดของวงเงินที่จะพึงใช้เพื่อการบริหารงานบุคคลของสถาบันอุดมศึกษาแต่ละสถาบัน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 14 ก.พ.อ. มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
(2) ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับค่าตอบแทน สวัสดิการ และประโยชน์เกื้อกูลอื่น ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม
(3) กำหนดมาตรฐานการบริหารงานบุคคล วินัยและการรักษาวินัย การดำเนินการทางวินัย การออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ และการพิจารณาตำแหน่งวิชาการ เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
(4) ออกกฎ ก.พ.อ. ระเบียบ หรือข้อบังคับตามพระราชบัญญัตินี้
(5) กำหนดกรอบอัตรากำลัง และอัตราส่วนสูงสุดของวงเงินที่จะพึงใช้เพื่อการบริหารงานบุคคลของสถาบันอุดมศึกษาแต่ละสถาบัน
(6) กำกับ ดูแล ติดตามและประเมินผลการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ในการนี้ให้มีอำนาจเรียกเอกสารและหลักฐานจากสถาบันอุดมศึกษา ให้ผู้แทนของสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการหรือบุคคลใดมาชี้แจงข้อเท็จจริง
(7) กำหนดอัตราค่าตอบแทนให้กับนายกสภาสถาบันอุดมศึกษาและกรรมการสภาสถาบันอุดมศึกษาโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
(8) พิจารณารับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือคุณวุฒิอย่างอื่น เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา และกำหนดอัตราเงินเดือนค่าตอบแทนที่ควรได้รับ และตำแหน่งที่ควรแต่งตั้ง
(9) กำหนดมาตรฐานของจรรยาบรรณที่พึงมีในสถาบันอุดมศึกษา
(10) ปฏิบัติการอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ ตามกฎหมายอื่น หรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
15. ข้อใดคือตำแหน่งวิชาการ ซึ่งทำหน้าที่สอนและวิจัย
ก. รองอธิการบดี ค. คณบดี
ข. รองศาสตราจารย์ ง. ผู้ช่วยอธิการบดี
ตอบ ข. รองศาสตราจารย์
16. ข้อใดคือตำแหน่งประเภทผู้บริหาร
ก. ศาสตราจารย์ ค. อาจารย์
ข. ผู้ช่วยอธิการบดี ง. รองศาสตราจารย์
ตอบ ข. ผู้ช่วยอธิการบดี
มาตรา18 ตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา มีดังต่อไปนี้
(ก) ตำแหน่งวิชาการ ซึ่งทำหน้าที่สอนและวิจัย ได้แก่
(1) ศาสตราจารย์
(2) รองศาสตราจารย์
(3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
(4) อาจารย์
(5) ตำแหน่งอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนด
(ข) ตำแหน่งประเภทผู้บริหาร ได้แก่
(1) อธิการบดี
(2) รองอธิการบดี
(3) คณบดี
(4) หัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
(5) ผู้ช่วยอธิการบดี
(6) รองคณบดีหรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
(7) ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาเขต ผู้อำนวยการกองหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองตามที่ ก.พ.อ. กำหนด
(8) ตำแหน่งอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนด
17. โทษทางวินัยมีกี่สถาน
ก. 10 สถาน ค. 6 สถาน
ข. 8สถาน ง. 5 สถาน
ตอบ ง. 5 สถาน
18. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกัยโทษทางวินัย
ก. โทษทางวินัยมี 5 สถาน
ข. โทษทางวินัยที่ร้ายแรงที่สุดคือไล่ออก
ค. ผู้ใดถูกลงโทษไล่ออกมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ
ง. ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาฝ่าฝืนทัณฑ์บน ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัย
ตอบ ค. ผู้ใดถูกลงโทษไล่ออกมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ
มาตรา 48 โทษทางวินัยมี 5 สถาน คือ
(1) ภาคทัณฑ์
(2) ตัดเงินเดือน
(3) ลดขั้นเงินเดือน
(4) ปลดออก
(5) ไล่ออก
ผู้ใดถูกลงโทษปลดออกตามมาตรานี้ ให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ
19. ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาผู้ใดถูกสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน มีสิทธิอุทธรณ์ต่อสภาสถาบันอุดมศึกษาได้ภายในกี่วัน
ก. 7 วัน ค. 15 วัน
ข. 30 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
มาตรา 61 ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาผู้ใดถูกสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน มีสิทธิอุทธรณ์ต่อสภาสถาบันอุดมศึกษาได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่ง
20. ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาต้องรับโทษในระดับที่มีสิทธิอุธรณ์ต่อ ก.พ.อ.
ก. ใด้ถูกสั่งให้ออกจากราชการหรือถูกสั่งลงโทษปลดออก
ข. ใด้ถูกสั่งให้ไล่ออก
ค. ใด้ถูกสั่งให้ลดขั้นเงินเดือน
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข
มาตรา62ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการหรือถูกสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออก มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.อ. ได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.อ. กำหนด
พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551
21. พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551 บังคับใช้เมื่อใด
ก. 4 กุมภาพันธ์ 2551 ค. 6 กุมภาพันธ์ 2551
ข. 14 กุมภาพันธ์ 2551 ง. 16 กุมภาพันธ์ 2551
ตอบ ค. 6 กุมภาพันธ์ 2551
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
22. ใครเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ พรบ. ฉบับนี้
ก. สมัคร สุนทรเวช
ข. สมชาย วงศ์สวัสดิ์
ค. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
ง. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
ตอบ ค. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
23. ตาม พรบ.นี้ได้มีการเพิ่มคำนิยามใด
ก. ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
ข. สภาสถาบันอุดมศึกษา
ค. พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
24. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
ก. บุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้างให้ทำงานในสถาบันอุดมศึกษา
ข. บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้รับราชการตามพระราชบัญญัตินี้
ค. ได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากเงินงบประมาณแผ่นดิน
ง. ได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากเงินรายได้ของสถาบันอุดมศึกษา
ตอบ ข. บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้รับราชการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 3 ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ระหว่างบทนิยามคำว่า“ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา” และคำว่า “สภาสถาบันอุดมศึกษา” ในมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547
“พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้างให้ทำงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากเงินงบประมาณแผ่นดินหรือเงินรายได้ของสถาบันอุดมศึกษา”
25. ข้อใดคือตำแหน่งวิชาการ ซึ่งทำหน้าที่สอนและวิจัย
ก. ศาสตราจารย์
ข. อธิการบดี
ค. คณบดี
ง. รองอธิการบดี
ตอบ ก. ศาสตราจารย์
มาตรา 18ตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา มีดังต่อไปนี้
(ก) ตำแหน่งวิชาการ ซึ่งทำหน้าที่สอนและวิจัย ได้แก่
` (1) ศาสตราจารย์
(2) รองศาสตราจารย์
(3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
(4) อาจารย์
(5) ตำแหน่งอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนด
26. ข้อใดไม่ใช่ตำแหน่งประเภทผู้บริหาร
ก. ศาสตราจารย์
ข. อธิการบดี
ค.คณบดี
ง.รองอธิการบดี
ตอบ ก. ศาสตราจารย์
มาตรา 5ให้ยกเลิกความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 18ตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา มีดังต่อไปนี้
(ข) ตำแหน่งประเภทผู้บริหาร ได้แก่
(1) อธิการบดี
(2) รองอธิการบดี
(3) คณบดี
(4) หัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
(5) ผู้ช่วยอธิการบดี
(6) รองคณบดีหรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
(7) ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาเขต ผู้อำนวยการกองหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองตามที่ ก.พ.อ. กำหนด
(8) ตำแหน่งอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนด”
27. ข้อใดไม่ใช่ชื่อตำแหน่งประเภททั่วไป วิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะ
ก. ระดับเชี่ยวชาญพิเศษมาก
ข. ระดับเชี่ยวชาญ
ค. ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ
ง. ระดับปฏิบัติการ
ตอบ ก. ระดับเชี่ยวชาญพิเศษมาก
มาตรา 5ให้ยกเลิกความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 18ตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา มีดังต่อไปนี้
(ค) ตำแหน่งประเภททั่วไป วิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะ ได้แก่
(1) ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ
(2) ระดับเชี่ยวชาญ
(3) ระดับชำนาญการ
(4) ระดับปฏิบัติการ
(5) ระดับอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนด”
28. ใครเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์แต่งตั่งศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ก. ก.พ. ค. ก.พ.อ.
ข. ปลัดกระกทรวงศึกษาธิการ ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ก.พ.อ.
29. ผู้ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ต้องสำเร็จการศึกษาระดับใด
ก. เกียรตินิยมอันดับหนึ่งปริญญาตรี
ข. ปริญญาโทหรือเทียบเท่า
ค. ปริญญาเอกหรือเทียบเท่า
ง. ปริญญาโทจากต่างประเทศ
ตอบ ค. ปริญญาเอกหรือเทียบเท่า
มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 19แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 19 ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกหรือเทียบเท่า”
30. ใครเป็นผู้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาและการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษษธิการ
ข. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ก.พ.อ.
ง. อธิการบดี
ตอบ ง. อธิการบดี
มาตรา7 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แท
“มาตรา 28 การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาและการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ให้อธิการบดีเป็นผู้สั่งบรรจุและแต่งตั้ง เว้นแต่การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้ดำรงตำแหน่งวิชาการตามมาตรา 18 (ก) (1) และตำแหน่งประเภททั่วไป วิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะตามมาตรา 18 (ค) (1) ให้รัฐมนตรีนำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง”
31. ใครมีอำนาจเลื่อนเงินเดือนของอิการบดี
ก. ก.พ.อ.
ข. นายกสภาสถาบันอุดมศึกษา
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ง. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ข. นายกสภาสถาบันอุดมศึกษา
มาตรา 10 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสามของมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547
“การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งดำรงตำแหน่งอธิการบดีให้นายกสภาสถาบันอุดมศึกษาเป็นผู้มีอำนาจสั่งเลื่อน”
32. การออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งใดที่ไม่ต้องให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ
ก. ตำแหน่งประเภททั่วไป วิชาชีพเฉพาะ
ข. ตำแหน่งเชี่ยวชาญเฉพาะ
ค. ตำแหน่งศาสตราจารย์
ง. รองศาสตราจารย์
ตอบ ง. รองศาสตราจารย์
มาตรา 11 ให้ยกเลิกความในมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 59 การออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่ง
วิชาการตามมาตรา 18 (ก) (1) และตำแหน่งประเภททั่วไป วิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะตามมาตรา 18 (ค) (1) ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ”
33. ข้อใดคือเหตุผลของการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
ก. เพื่อปรับปรุงการกำหนดหลักเกณฑ์การต่อเวลาราชการของผู้ดำรงตำแหน่งวิชาการเสียใหม่เพื่อให้การต่อเวลาราชการเป็นไปตามความจำเป็น
ข. เพื่อการที่เห็นสมควรที่จะให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นเงินเดือนของอธิการบดี
ค. เพื่อรองรับการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
34. การได้รับเงินเดือนและเงินประจำ ตำ แหน่งในอัตราใด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขของใครกำหนด
ก. อธิการบดี
ข. ก.พ.อ.
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ง. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ข. ก.พ.อ.
มาตรา 16 วรรคท้าย
การได้รับเงินเดือนและเงินประจำ ตำ แหน่งตามวรรคหนึ่งของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้ ตำแหน่งใดให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในอัตราใด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.อ. กำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้เทียบเคียงกับบัญชีเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง หรือตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน แล้วแต่กรณี
35. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ง. อธิการบดี
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา 17 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้