แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550
***********************
1. พระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 30 มกราคม 2550 ค. 30 ธันวาคม 2550
ข. 31 มกราคม 2550 ง. 31 ธันวาคม 2550
ตอบ ง. 31 ธันวาคม 2550
2. พระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550 มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 6 หมวด 70 มาตรา ค. 5 หมวด 70 มาตรา
ข. 7 หมวด 70 มาตรา ง. 7 หมวด 60 มาตรา
ตอบ ข. 7 หมวด 70 มาตรา
3. ข้อใด ไม่ใช่ ความหมายคำว่า “รถ” ตามพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550
ก. จักรยานยนต์ ค. รถบรรทุก
ข. รถยนต์ ง. รถราง
ตอบ ง. รถราง
“รถ” หมายความว่า ยานพาหนะทางบกทุกชนิด เว้นแต่รถไฟและรถราง
4. “ทางพิเศษ” หมายความว่า
ก. ทางหรือถนนซึ่งจัดสร้างขึ้นในระดับพื้นดิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรเป็นพิเศษ
ข. ทางหรือถนนซึ่งจัดสร้างขึ้นเหนือพื้นดินหรือใต้พื้นดิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรเป็นพิเศษ
ค. ทางหรือถนนซึ่งจัดสร้างขึ้นเหนือพื้นน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรเป็นพิเศษ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
“ทาง พิเศษ” หมายความว่า ทางหรือถนนซึ่งจัดสร้างขึ้น หรือได้รับโอนหรือได้รับมอบไม่ว่าจะจัดสร้างขึ้นในระดับพื้นดิน เหนือหรือใต้พื้นดินหรือพื้นน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรเป็นพิเศษ และให้หมายความรวมถึงสะพาน อุโมงค์ เรือสำหรับขนส่งรถข้ามฟาก ท่าเรือสำหรับขึ้นลงรถ ทางเท้า ที่จอดรถ เขตทาง ไหล่ทาง เขื่อนกั้นน้ำ ท่อหรือทางระบายน้ำ กำแพงกันดิน รั้วเขต หลักระยะ สัญญาณจราจร เครื่องหมายจราจร อาคาร หรือสิ่งอื่นใดที่จัดไว้ในเขตทางเพื่ออำนวยความสะดวก หรือเพื่อความปลอดภัยเกี่ยวกับงานทางพิเศษ
5. ใครเป็นผู้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
มาตรา ๕ ให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อ ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
6. “การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” เรียกโดยย่อว่าอะไร
ก. ทพท. ค. กทพ.
ข. กพท. ง. กศท.
ตอบ ค. กทพ.
มาตรา ๖ ให้ จัดตั้งการทางพิเศษขึ้นเรียกว่า “การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” เรียกโดยย่อว่า “กทพ.” และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “EXPRESSWAYAUTHORITYOFTHAILAND” เรียกโดยย่อว่า “EXAT” และให้มีตราเครื่องหมายของ “กทพ.”
7. พระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ชื่อที่มีอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศซึ่งแปลหรืออ่านว่าอย่างไร ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นกิจการของ กทพ.
ก. ทางพิเศษ ค. ทางลัด
ข. ทางด่วน ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข
มาตรา ๗ ห้าม มิให้บุคคลใดใช้ชื่อที่มีอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศซึ่งแปลหรืออ่านว่า “ทางพิเศษ” หรือ “ทางด่วน” ประกอบในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความหรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจอันอาจทำให้ประชาชนเข้าใจว่า เป็นกิจการของ กทพ. เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กทพ.
8. กทพ. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ใด
ก. กรุงเทพมหานคร ค. จังหวัดอื่นตามความเหมาะสม
ข. สมุทรปราการ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๙ ให้ กทพ. มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดอื่นตามความเหมาะสม และจะตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่อื่นใดก็ได้ แต่การตั้งสำนักงานสาขาภายนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีก่อน
9. กทพ. เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งอย่างไร
ก. ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง หรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
ข. สร้างหรือจัดให้มีทางพิเศษด้วยวิธีใด ๆ ตลอดจนบำรุงและรักษาทางพิเศษ
ค. ดำเนินงานหรือธุรกิจเกี่ยวกับทางพิเศษ และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับทางพิเศษหรือที่เป็นประโยชน์แก่ กทพ.
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
มาตรา ๘ ให้ กทพ. เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(๑) สร้างหรือจัดให้มีทางพิเศษด้วยวิธีใด ๆ ตลอดจนบำรุงและรักษาทางพิเศษ
(๒) ดำเนินงานหรือธุรกิจเกี่ยวกับทางพิเศษ และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับทางพิเศษหรือที่เป็นประโยชน์แก่ กทพ.
10. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของ กทพ.
ก. ก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร
ข. การจัดแบ่งส่วนงานและวิธีปฏิบัติงาน
ค. กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
ง. จัดตั้งหรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด
ตอบ ข. การจัดแบ่งส่วนงานและวิธีปฏิบัติงาน
มาตรา ๑๐ ให้ กทพ. มีอำนาจหน้าที่กระทำกิจการภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๘ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑) ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง หรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
(๒) ก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร
(๓) เรียกเก็บค่าผ่านทางพิเศษ หรือค่าบริการอื่น ตลอดจนค่าธรรมเนียมการใช้ทรัพย์สิน การให้บริการ และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในเขตทางพิเศษ
(๔) กำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้และการรักษาทางพิเศษตลอดจนการ ใช้และการรักษาทรัพย์สิน การให้บริการ และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในเขตทางพิเศษ
(๕) กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(๖) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ กทพ.
(๗) จัดตั้งหรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องกับกิจการของ กทพ.
(๘) ลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องกับกิจการของ กทพ.
(๙) ให้สัมปทานในการสร้างหรือขยายทางพิเศษ ต่ออายุสัมปทาน โอนสัมปทานหรือเพิกถอนสัมปทาน
(๑๐) ว่าจ้างหรือมอบให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดประกอบกิจการส่วนหนึ่งส่วนใดของ กทพ. แต่ถ้ากิจการนั้นมีรัฐวิสาหกิจใดมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการ และคณะกรรมการเห็นว่ารัฐวิสาหกิจนั้นสามารถจะดำเนินการให้บังเกิดผลและมี ประสิทธิภาพได้ ให้ กทพ. ว่าจ้างหรือมอบให้รัฐวิสาหกิจนั้นเป็นผู้ประกอบกิจการก่อนผู้อื่น
(๑๑) ทำการค้าและให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์และเครื่องใช้เกี่ยวกับทางพิเศษ
(๑๒) ให้เช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทพ. ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ กทพ. โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะควบคู่ไปด้วย
(๑๓) วางแผน สำรวจ และออกแบบเกี่ยวกับการสร้างหรือขยายทางพิเศษ
(๑๔) กระทำการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเนื่องในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของ กทพ.
11. ข้อใด ไม่ใช่องค์ประกอบของ “คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย”
ก. ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์
ข. ผู้แทนกระทรวงการคลัง
ค. ผู้แทนกระทรวงคมนาคม
ง. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
มาตรา ๑๔ ให้ มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย” ประกอบด้วย ประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสี่คน เป็นกรรมการ และผู้ว่าการเป็นกรรมการและเลขานุการ
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
12. ประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ว่าการ ต้องมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับเรื่องใด
ก. วิศวกรรมศาสตร์ ค. สถาปัตยกรรมศาสตร์
ข. การบริหาร ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๕ ประธาน กรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ว่าการ ต้องมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับการบริหาร วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ การผังเมือง เศรษฐศาสตร์ การคลัง หรือนิติศาสตร์
13. “คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย” ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามใด
ก. เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง
ข. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ค. เป็นผู้ มีส่วนได้เสียในสัญญากับ กทพ. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ กทพ. หรือในกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและมีลักษณะเป็นการแข่งขันกับกิจการของ กทพ. ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๖ ประธาน กรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติ มาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้วยังต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง
(๒) เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
(๓) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ กทพ. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ กทพ. หรือในกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและมีลักษณะเป็นการแข่งขันกับกิจการของ กทพ. ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม เว้นแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นเพื่อการลงทุนโดยสุจริตในบริษัทจำกัดหรือบริษัท มหาชนจำกัดที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้นก่อนวันที่จะได้รับแต่ง ตั้งเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการ หรือเป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในบริษัท จำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ กทพ. เป็นผู้ถือหุ้น หรือในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่มีสัญญาร่วมงานหรือสัญญาสัมปทาน กับ กทพ.
14. “คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย” อยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 3 ปี ค. 1 ปี
ข. 4 ปี ง. 2 ปี
ตอบ ก. 3 ปี
มาตรา ๑๗ ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
15. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของ“คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย”
ก. การบริหารและการควบคุมทางการเงิน
ข. ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ กทพ.
ค. การจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษ
ง. การร้องทุกข์และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
ตอบ ข. ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ กทพ.
มาตรา ๑๙ ให้ คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ กทพ. กำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษโดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี และอำนาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึงการออกข้อบังคับในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) การปฏิบัติการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ตามมาตรา ๘ และมาตรา ๑๐
(๒) การประชุมและการดำเนินกิจการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ
(๓) การบริหารและการควบคุมทางการเงิน
(๔) การจัดแบ่งส่วนงานและวิธีปฏิบัติงาน
(๕) การปฏิบัติงานของผู้ว่าการ และการมอบให้ผู้อื่นปฏิบัติงานแทนผู้ว่าการ
(๖) การจ่ายค่าพาหนะ เบี้ยเลี้ยงเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่าล่วงเวลา เบี้ยประชุม ค่าตอบแทนและการจ่ายเงินอื่น ๆ
(๗) การบริหารงานบุคคล การบรรจุ แต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือค่าจ้างการออกจากตำแหน่ง ถอดถอน วินัย การลงโทษพนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนการกำหนดเงินเดือนและเงินอื่น
(๘) กองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงาน ลูกจ้างและครอบครัว โดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
(๙) การร้องทุกข์และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
(๑๐) เครื่องแบบพนักงานและลูกจ้าง
(๑๑) การรักษาความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของ กทพ.
(๑๒) การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในทางพิเศษ
(๑๓) การจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษ
ข้อบังคับใดที่มีข้อความจำกัดอำนาจของผู้ว่าการในการทำนิติกรรมไว้ประการใด เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
16. ใครเป็นผู้แต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ข. คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ค. ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ง. คณะรัฐมนตรี
ตอบ ข.คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
มาตรา ๒๑ ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้ว่าการ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
17. ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มีวาระอยู่ในตำแหน่งไม่เกินกี่ปี
ก. ไม่เกิน 2 ปี ค. ไม่เกิน 4 ปี
ข. ไม่เกิน 3 ปี ง. ไม่เกิน 5 ปี
ตอบ ค. ไม่เกิน 4 ปี
มาตรา ๒๓ ผู้ ว่าการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละไม่เกินสี่ปี เมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาจ้างแล้วและผู้ว่าการมีอายุไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์ ผู้ว่าการสามารถเข้ารับการคัดเลือกได้อีกแต่กระทำได้อีกเพียงคราวเดียว
18. ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ต้องมีอายุไม่เกินกี่ปี
ก. 70 ปีบริบูรณ์ ค. 60 ปีบริบูรณ์
ข. 65 ปีบริบูรณ์ ง. 55 ปีบริบูรณ์
ตอบ ค. 60 ปีบริบูรณ์ (ดูอธิบายข้อ 17)
19. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ก. วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ของ กทพ.
ข. บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัย พนักงานและลูกจ้าง
ค. กำหนดเงื่อนไขในการทำงานของพนักงานและลูกจ้างโดยไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๒๖ ผู้ว่าการมีอำนาจ
(๑) บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัย พนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่งตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างตั้งแต่ตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อำนวยการฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไปจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก่อน
(๒) วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ของ กทพ. และกำหนดเงื่อนไขในการทำงานของพนักงานและลูกจ้างโดยไม่ขัดหรือแย้งกับข้อ บังคับที่คณะกรรมการกำหนด
20. ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มีอำนาจให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่ง ในกรณีที่พนักงานหรือลูกจ้างดำรงตำแหน่งใด ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน
ก. ที่ปรึกษา ค. ผู้เชี่ยวชาญ
ข. ผู้อำนวยการฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไป ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ (ดูอธิบายข้อ 19)
21. ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง ใครเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งแทน
ก. คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนหนึ่งเป็นผู้ทำการแทนหรือรักษาการในตำแหน่ง
ข. รองผู้ว่าการผู้มีอาวุโสสูงสุด
ค. รองผู้ว่าการคนใดคนหนึ่ง
ง. ที่ปรึกษา
ตอบ ข. รองผู้ว่าการผู้มีอาวุโสสูงสุด
มาตรา ๒๘ ใน กรณีที่ผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง ให้รองผู้ว่าการผู้มีอาวุโสสูงสุดตามลำดับเป็นผู้ทำการแทนหรือรักษาการใน ตำแหน่ง ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนหนึ่งเป็นผู้ทำการแทนหรือรักษาการในตำแหน่ง
22. กทพ. มีหนังสือแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบถึงกำหนดเวลาและกิจกรรมที่จะต้องกระทำก่อนการเข้าใช้สอยหรือเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์ล่วงหน้าไม่น้อยกว่ากี่วัน
ก. 30 วัน ค. 90 วัน
ข. 60 วัน ง. 120 วัน
มาตรา ๓๒ เพื่อ ประโยชน์ในการสร้างหรือขยายทางพิเศษ การบำรุงรักษาทางพิเศษและการป้องกันอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดแก่ทาง พิเศษ ให้ กทพ. มีอำนาจที่จะใช้สอยหรือเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในความครอบครองของบุคคล ใด ๆ ซึ่งมิใช่โรงเรือนที่คนอยู่อาศัยหรือใช้ประกอบธุรกิจ เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดเงินค่าตอบแทนให้ตามสมควรภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
(๑) การใช้สอยหรือเข้าครอบครองนั้นเป็นการจำเป็นสำหรับการสร้างหรือขยายทางพิเศษ การบำรุงรักษาทางพิเศษ หรือการป้องกันอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดแก่ทางพิเศษ
(๒) กทพ. มีหนังสือแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบถึงกำหนดเวลาและ กิจกรรมที่จะต้องกระทำ รวมทั้งเหตุผลความจำเป็นที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั้นล่วงหน้าไม่น้อยกว่า สามสิบวันก่อนการเข้าใช้สอยหรือเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น และให้ประกาศให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทราบ โดยอย่างน้อยให้ทำสำเนาหนังสือดังกล่าวปิดไว้ ณ ที่ที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ และ ณ สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ หรือที่ว่าการกิ่งอำเภอแห่งท้องที่ที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ ทั้งนี้ ให้ถือว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นได้รับแจ้งเมื่อพ้นระยะ เวลาสิบห้าวันนับแต่วันปิดประกาศสำเนาหนังสือ เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นอาจยื่นคำร้องแสดงเหตุที่ไม่ สมควรทำเช่นนั้นไปยังคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วัน ที่ได้รับแจ้ง คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด
(๓) หากการใช้สอยหรือเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์มีความจำเป็นที่จะต้องรื้อถอน หรือทำลายสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นซึ่งมิใช่โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย หรือตัดฟันต้นไม้ ให้ กทพ. มีอำนาจรื้อถอนหรือทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว หรือตัดฟันต้นไม้ได้เท่าที่จำเป็น
23. ในกรณี ที่ กทพ. ได้จัดทำทางหรือถนนเพื่อเชื่อมระหว่างทางพิเศษกับทางสาธารณะอื่น ผู้ใดจะสร้างทางหรือถนนหรือสิ่งอื่นใดเพื่อเชื่อมต่อกับทางหรือถนนนั้นหรือ ลอดหรือข้ามทางหรือถนนนั้น ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากใคร
ก. รองผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ค. คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ข. ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ง. กทพ.
ตอบ ง. กทพ.
มาตรา ๓๖ ใน กรณีที่ กทพ. ได้จัดทำทางหรือถนนเพื่อเชื่อมระหว่างทางพิเศษกับทางสาธารณะอื่น ผู้ใดจะสร้างทางหรือถนนหรือสิ่งอื่นใดเพื่อเชื่อมต่อกับทางหรือถนนนั้นหรือ ลอดหรือข้ามทางหรือถนนนั้น ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กทพ.
24. ทาง ถนน หรือสิ่งอื่นใดที่สร้างขึ้นโดยฝ่าฝืน ให้ กทพ. มีหนังสือแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองดำเนินการรื้อถอนทาง ถนน หรือสิ่งอื่นใดดังกล่าวภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่ากี่วัน นับแต่วันที่ได้ส่งหนังสือแจ้ง
ก. 60 วัน ค. 90 วัน
ข. 180 วัน ง. 120 วัน
ตอบ ก. 60 วัน
ทาง ถนน หรือสิ่งอื่นใดที่สร้างขึ้นโดยฝ่าฝืนวรรคหนึ่ง ให้ กทพ. มีหนังสือแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองดำเนินการรื้อถอนทาง ถนน หรือสิ่งอื่นใดดังกล่าวภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่าหกสิบวันนับแต่ วันที่ได้ส่งหนังสือแจ้ง ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนด ให้ กทพ. มีอำนาจดำเนินการเช่นว่านั้นได้เอง โดยให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองซึ่งทาง ถนน หรือสิ่งอื่นใดนั้นเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
25. ในกรณีที่ กทพ. ไม่สามารถส่งหนังสือแจ้งให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองได้ กทพ. ต้องประกาศให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทราบโดยทำเป็นหนังสือปิดไว้ระบุกำหนดเวลาที่ กทพ. จะเข้าดำเนินการซึ่งต้องไม่น้อยกว่ากี่วัน
ก. 60 วัน ค. 90 วัน
ข. 180 วัน ง. 75 วัน
ตอบ ง. 75 วัน
ในกรณี ที่ กทพ. ไม่สามารถส่งหนังสือแจ้งให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองตามวรรคสามได้ให้ กทพ. ประกาศให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทราบโดยอย่างน้อยให้ทำ เป็นหนังสือปิดไว้ ณ ที่ที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ และ ณ สถานที่ตามมาตรา ๓๒ (๒) โดยระบุกำหนดเวลาที่ กทพ. จะเข้าดำเนินการตามวรรคสาม ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าเจ็ดสิบห้าวันนับแต่วันปิดประกาศแจ้งความ
26. ห้ามมิ ให้ผู้ใดสร้างโรงเรือนหรือสิ่งอื่นใดหรือปลูกต้นไม้หรือพืชผลอย่างใด ๆ ในทางพิเศษ หรือเพื่อเชื่อมต่อกับทางพิเศษ เว้นแต่กรณีหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของรัฐต้องทำความตกลงกับ กทพ. ก่อนและถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ในเหตุลักษณะของงานหรือในเรื่องค่าเช่า ให้เสนอใครเป็นผู้วินิจฉัย
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ค. ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ข. คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ง. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
มาตรา ๓๗ ภาย ใต้บังคับมาตรา ๓๖ ห้ามมิให้ผู้ใดสร้างโรงเรือนหรือสิ่งอื่นใดหรือปลูกต้นไม้หรือพืชผลอย่างใด ๆ ในทางพิเศษ หรือเพื่อเชื่อมต่อกับทางพิเศษ เว้นแต่กรณีหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการอันเป็นสาธารณูปโภค มีความจำเป็นต้องปักเสาพาดสาย หรือวางท่อในเขตทางพิเศษ หรือเพื่อข้ามหรือลอดทางพิเศษ ให้หน่วยงานของรัฐนั้นทำความตกลงกับ กทพ. ก่อนและถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ในเหตุลักษณะของงานหรือในเรื่องค่าเช่า ให้เสนอรัฐมนตรีเป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
27. ห้ามมิ ให้ผู้ใดสร้าง ดัดแปลง ติดหรือตั้งป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายในลักษณะที่อาจ ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ทางพิเศษภายในระยะทางกี่เมตร จากเขตทางพิเศษ
ก. 50 เมตร ค. 100 เมตร
ข. 30 เมตร ง. 80 เมตร
ตอบ ก. 50 เมตร
มาตรา ๓๘ ภาย ในระยะทางห้าสิบเมตรจากเขตทางพิเศษ ห้ามมิให้ผู้ใดสร้าง ดัดแปลง ติดหรือตั้งป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายในลักษณะที่อาจ ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ทางพิเศษ หรือการจราจรในเขตทางพิเศษตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กทพ.
28. ใครมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษ
ก. กทพ.
ข. ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ค. คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ตอบ ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
มาตรา ๓๙ ให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนด
(๑) ทางพิเศษสายใดตลอดทั้งสายหรือบางส่วนที่ต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ
(๒) อัตราค่าผ่านทางพิเศษตาม (๑) ตามที่คณะกรรมการกำหนด
(๓) ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตาม (๑)
29. พนักงานซึ่งผู้ว่าการแต่งตั้งหรือบุคคลซึ่งผู้ว่าการมอบหมายให้มีหน้าที่เกี่ยวกับการเก็บค่าผ่านทางพิเศษ มีอำนาจหน้าที่ใด
ก. เรียกเก็บค่าผ่านทางพิเศษ
ข. สั่งให้บุคคลใดที่ผ่านหรือจะผ่านทางพิเศษหยุดและตรวจสอบเพื่อประโยชน์ในการเรียกเก็บค่าผ่านทางพิเศษ
ค. แจ้งให้บุคคลใด ๆ มาชี้แจงหรือแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงไม่เสียค่าผ่านทางพิเศษตามพระราชบัญญัตินี้
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๔๑ ให้พนักงานซึ่งผู้ว่าการแต่งตั้งหรือบุคคลซึ่งผู้ว่าการมอบหมายให้มีหน้าที่เกี่ยวกับการเก็บค่าผ่านทางพิเศษ มีอำนาจดังต่อไปนี้
(๑) เรียกเก็บค่าผ่านทางพิเศษตามมาตรา ๓๙ (๒)
(๒) สั่งให้บุคคลใดที่ผ่านหรือจะผ่านทางพิเศษหยุดและตรวจสอบเพื่อประโยชน์ในการเรียกเก็บค่าผ่านทางพิเศษ
(๓) แจ้งให้บุคคลใด ๆ มาชี้แจงหรือแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงไม่เสียค่าผ่านทางพิเศษตามพระราชบัญญัตินี้
30. พนักงานและลูกจ้างมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด ถูกกล่าวไว้ในมาตราใด
ก. มาตรา 35 ค. มาตรา 44
ข. มาตรา 45 ง. มาตรา 48
ตอบ ค. มาตรา 44
มาตรา ๔๔ ให้พนักงานและลูกจ้างมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
31. กทพ. จัดทำงบประมาณประจำปี โดยแยกเป็นงบใด
ก. งบลงทุน และงบดำเนินงาน ค. งบบริหาร และงบทำการ
ข. งบลงทุน และงบทำการ ง. งบลงทุน และงบบริหาร
ตอบ ข. งบลงทุน และงบทำการ
32. งบลงทุนต้องนำเสนอใครเพื่อพิจารณาและให้ความเห็นชอบ
ก. คณะรัฐมนตรี ค. ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ข. คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ตอบ ก. คณะรัฐมนตรี
มาตรา ๔๖ ให้ กทพ. จัดทำงบประมาณประจำปี โดยแยกเป็นงบลงทุน และงบทำการ สำหรับงบลงทุนให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและให้ความเห็นชอบ ส่วนงบทำการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
33. กทพ. ต้องจัดทำงบดุล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนส่งผู้สอบบัญชีภายในกี่วัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชี
ก. 90 วัน ค. 30 วัน
ข. 120 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. 120 วัน
มาตรา ๕๐ ให้ กทพ. จัดทำงบดุล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนส่งผู้สอบบัญชีภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
34. ใครเป็นผู้สอบบัญชี และทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินของ กทพ.
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ค. สำนักงบประมาณ
ข. กระทรวงการคลัง ง. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ตอบ ง. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
มาตรา ๕๑ ทุก ปีให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี และทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินของ กทพ. ให้แล้วเสร็จภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับงบการเงินนั้น
35. กทพ. ต้องทำรายงานกี่ครั้งเพื่อเสนอต่อรัฐมนตรี
ก. ปีละ 1 ครั้ง ค. 2 ปี 1 ครั้ง
ข. ปีละ 2 ครั้ง ง. 3 ปี 2 ครั้ง
ตอบ ก. ปีละ 1 ครั้ง
มาตรา ๕๕ ให้ กทพ. ทำรายงานปีละครั้งเสนอรัฐมนตรี รายงานนี้ให้กล่าวถึงผลงานในปีที่ล่วงมาแล้ว และคำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของคณะกรรมการ โครงการและแผนงานที่จะทำในภายหลัง
36. ในกรณีที่ กทพ. จะต้องเสนอเรื่องใด ๆ ไปยังคณะรัฐมนตรี กทพ. ต้องนำเสนอใครก่อน เพื่อเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี
ก. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ข. คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
มาตรา ๕๖ ในกรณีที่ กทพ. จะต้องเสนอเรื่องใด ๆ ไปยังคณะรัฐมนตรี ให้ กทพ. นำเรื่องเสนอรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี
37. การสร้างหรือขยายทางพิเศษ กทพ. ต้องได้รับความเห็นชอบจากใครก่อน
ก. คณะรัฐมนตรี ค. นายกรัฐมนตรี
ข. คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ตอบ ก. คณะรัฐมนตรี
38. กทพ. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินกิจการใดได้
ก. ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ กทพ.
ข. จัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด
ค. จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาเกินสิบล้านบาท
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๕๗ กทพ. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินกิจการ ดังต่อไปนี้
(๑) สร้างหรือขยายทางพิเศษ
(๒) กู้หรือยืมเงินเกินหนึ่งร้อยล้านบาท
(๓) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ กทพ.
(๔) จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาเกินสิบล้านบาท
(๕) ให้เช่าหรือให้สิทธิใด ๆ ในอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเกินหนึ่งร้อยล้านบาทหรือที่มีกำหนดเวลาการให้ เช่าหรือให้สิทธิใด ๆ เกินห้าปี เว้นแต่การให้เช่าหรือให้สิทธินั้นเป็นการให้แก่หน่วยงานของรัฐ
(๖) ให้สัมปทานในการสร้างหรือขยายทางพิเศษ ต่ออายุสัมปทาน โอนสัมปทานหรือเพิกถอนสัมปทาน
(๗) จัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด
(๘) เข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่นหรือถือหุ้นในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด
39. บุคคลใดใช้ชื่อที่มีอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศซึ่งแปลหรืออ่านว่า “ทางพิเศษ” หรือ “ทางด่วน” โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษปรับเท่าใด
ก. ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ค. ปรับไม่เกินสามแสนบาท
ข. ปรับไม่เกินสองแสนบาท ง. ปรับไม่เกินสี่แสนบาท
มาตรา ๕๘ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๗ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
มาตรา ๗ ห้าม มิให้บุคคลใดใช้ชื่อที่มีอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศซึ่งแปลหรืออ่านว่า “ทางพิเศษ” หรือ “ทางด่วน” ประกอบในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความหรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจอันอาจทำให้ประชาชนเข้าใจว่า เป็นกิจการของ กทพ. เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กทพ.
40. ผู้ใดขัดขวางการกระทำของ กทพ. พนักงานหรือลูกจ้าง ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ข. ปรับไม่เกินสองพันบาท
ค. จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ค. จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๙ ผู้ ใดขัดขวางการกระทำของ กทพ. พนักงานหรือลูกจ้าง ซึ่งกระทำการตามมาตรา ๓๒ หรือมาตรา ๓๓ หรือฝ่าฝืนมาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ หรือมาตรา ๓๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
41. ผู้ใดกระทำการใด ๆ ให้ทางพิเศษอยู่ในลักษณะอันน่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจร ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ข. ปรับไม่เกินสองพันบาท
ค. จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ง. จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖๐ ผู้ ใดกระทำการใด ๆ ให้ทางพิเศษอยู่ในลักษณะอันน่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
42. ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือไร้ประโยชน์ซึ่งทางพิเศษอันอาจเป็นอันตรายแก่รถ หรือบุคคลซึ่งใช้ทางหรือใช้บริการ ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกินสองพันบาท
ข. จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ง. จำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖๑ ผู้ ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือไร้ประโยชน์ซึ่งทางพิเศษอันอาจเป็นอันตรายแก่รถ หรือบุคคลซึ่งใช้ทางหรือใช้บริการดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
43. ผู้ใดหลีกเลี่ยงไม่เสียค่าผ่านทางพิเศษตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินเท่าใด
ก. ปรับไม่เกินห้าพันบาท ค. ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
ข. ปรับไม่เกินสองพันบาท ง. ปรับไม่เกินสามพันบาท
ตอบ ข. ปรับไม่เกินสองพันบาท
มาตรา ๖๓ ผู้ใดหลีกเลี่ยงไม่เสียค่าผ่านทางพิเศษตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
44. ผู้ที่ใช้ชื่อที่มีอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศ ซึ่งแปลหรืออ่านว่า “ทางพิเศษ” หรือ “ทางด่วน” โดยไม่ได้รับอนุญาต ในวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ต้องดำเนินการขออนุญาตใช้ชื่อดังกล่าวภายในกี่วัน
ก. 120 วัน ค. 180 วัน
ข. 90 วัน ง. 150 วัน
ตอบ ค. 180 วัน
มาตรา ๖๙ ให้ ผู้ที่ใช้ชื่อที่มีอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศ ซึ่งแปลหรืออ่านว่า “ทางพิเศษ” หรือ “ทางด่วน” ประกอบในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความ หรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจอยู่แล้วอันอาจทำให้ประชาชนเข้าใจว่า เป็นกิจการของ กทพ. ในวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ มาดำเนินการขออนุญาตใช้ชื่อดังกล่าวภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระ ราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ
45. เจ้าของ หรือผู้ครอบครองป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่ฝ่าฝืน มาตรา ๓๘ ต้องมาดำเนินการขออนุญาตจาก กทพ. ภายในกี่วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ
ก. 60 วัน ค. 45 วัน
ข. 30 วัน ง. 90 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
มาตรา ๗๐ ให้ เจ้าของหรือผู้ครอบครองป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่ ฝ่าฝืนมาตรา ๓๘ มาดำเนินการขออนุญาตจาก กทพ. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ถ้า กทพ. มีคำสั่งไม่อนุญาต ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้าย ดำเนินการรื้อถอนภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งไม่อนุญาตหรือตาม ระยะเวลาที่ กทพ. กำหนด
46. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการในพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550 คือใคร
ก. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ค. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ข. นายสมัคร สุนทรเวช ง. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล
ตอบ ก. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์