แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติ การประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
********************************
1. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค ที่ใช้ในปัจจุบันเป็นฉบับที่เท่าใด
ก. ฉบับที่ 1 ค. ฉบับที่ 3
ข. ฉบับที่ 2 ง. ฉบับที่ 4
ตอบ ค. ฉบับที่ 3
2. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 3) อยู่ในปี พ.ศ.ใด
ก. พ.ศ. 2550 ค. พ.ศ. 2552
ข. พ.ศ. 2551 ง. พ.ศ. 2553
ตอบ ก. พ.ศ. 2550
3. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 17 สิงหาคม 2550 ค. 19 สิงหาคม 2550
ข. 18 สิงหาคม 2550 ง. 20 สิงหาคม 2550
ตอบ ก. 17 สิงหาคม 2550
4. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใดก. 19 สิงหาคม 2550 ค. 24 สิงหาคม 2550
ข. 23 สิงหาคม 2550 ง. 25 สิงหาคม 2550
ตอบ ค. 24 สิงหาคม 2550
5. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550 มีกี่มาตรา
ก. 5 มาตรา ค. 2 มาตรา
ข. 10 มาตรา ง. 3 มาตรา
ตอบ ง. 3 มาตรา
6. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550 ให้ยกเลิกความในมาตราใด แห่งพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522
ก. มาตรา 40 ค. มาตรา 45
ข. มาตรา 52 ง. มาตรา 48
ตอบ ง. มาตรา 48
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๔๘ กปภ. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการ ดังต่อไปนี้ได้
(๑) เพิ่มหรือลดทุน
(๒) กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินห้าสิบล้านบาทหรือให้กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินห้าล้านบาท
(๓) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
(๔) จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์อันมีราคาเกินห้าล้านบาท
(๕) ถือหุ้นหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์แก่การประกอบและส่งเสริมธุรกิจของ กปภ.”
7. ข้อใดคือเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550
ก. กฏหมายฉบับเดิมมีบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
ข. รัฐบาลมีนโยบายที่จะปรับปรุงและขยายกิจการประปาในส่วนภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น
ค. กฎหมายเดิมมีบทบัญญัติให้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก. กฏหมายฉบับเดิมมีบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
8. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 มีกี่มาตรา
ก. 4 มาตรา ค. 6 มาตรา
ข. 3 มาตรา ง. 5 มาตรา
ตอบ ข. 3 มาตรา
9. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 20 กรกฎาคม . 2530 ค. 19 สิงหาคม 2530
ข. 14 กรกฎาคม . 2530 ง. 20 สิงหาคม 2530
ตอบ ง. 20 สิงหาคม 2530
10. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 20 กรกฎาคม . 2530 ค. 19 สิงหาคม 2530
ข. 14 กรกฎาคม . 2530 ง. 20 สิงหาคม 2530
ตอบ ค. 19 สิงหาคม 2530
11. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 มีผลบังคับใช้วันใด
ก. 20 กรกฎาคม 2530 ค. 19 สิงหาคม 2530
ข. 14 กรกฎาคม 2530 ง. 20 สิงหาคม 2530
ตอบ ง. 20 สิงหาคม 2530
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
12. ข้อใดคือเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530
ก. รัฐบาลมีนโยบายที่จะปรับปรุงและขยายกิจการประปาในส่วนภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น
ข. กฏหมายฉบับเดิมมีบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
ค. กฏหมายฉบับเดิมมีบทบัญญัติให้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยกฎและให้นำกฏหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาบังคับใช้แต่กฏหมายดังกล่าวได้ยกเลิกบทบัญญัติว่าด้วยอนุญาโตตุลาการไปแล้ว
ง. เพื่อให้การประปาส่วนภูมิภาคสามารถดำเนินการได้อย่างคล่องตัวยืดหยุ่น
ตอบ ค. กฏหมายฉบับเดิมมีบทบัญญัติให้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยกฎและให้นำกฏหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาบังคับใช้แต่กฏหมายดังกล่าวได้ยกเลิกบทบัญญัติว่าด้วยอนุญาโตตุลาการไปแล้ว
13. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 24 มกราคม 2522 ค. 24 กุมภาพันธ์ 2522
ข. 25 มกราคม 2522 ง. 25 กุมภาพันธ์ 2522
ตอบ ค. 24 กุมภาพันธ์ 2522
14. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 5 หมวด 50 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ค. 6 หมวด 50 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ข. 5 หมวด 55 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ง. 6 หมวด 55 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ตอบ ง. 6 หมวด 55 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
15. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
16. “การประปาส่วนภูมิภาค” เรียกโดยย่อว่าอะไร
ก. กปน. ค. กปฟ.
ข. กปภ. ง. กปป.
ตอบ ข. กปภ.
มาตรา ๕ ให้ จัดตั้งการประปาขึ้นเรียกว่า “การประปาส่วนภูมิภาค” เรียกโดยย่อว่า “กปภ.” และให้เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการประกอบและส่งเสริมธุรกิจการประปาโดยการสำรวจ จัดหาแหล่งน้ำดิบ และจัดให้ได้มาซึ่งน้ำดิบ เพื่อใช้ในการผลิต จัดส่งและจำหน่ายน้ำประปารวมทั้งการดำเนินธุรกิจอื่นที่เกี่ยวกับหรือต่อ เนื่องกับธุรกิจการประปา เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่การให้บริการสาธารณูปโภค โดยคำนึงถึงประโยชน์ของรัฐและสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นสำคัญ
17. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของ กปภ.
ก. สำรวจ วางแผน และพัฒนาแหล่งน้ำดิบ ตลอดจนจัดให้ได้มาซึ่งน้ำดิบ
ข. สำรวจ วางแผน และสร้างระบบการผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา
ค. ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองหรือทรัพยสิทธิต่าง ๆ
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๗ ให้ กปภ. มีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๕ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑) ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองหรือทรัพยสิทธิต่าง ๆ สร้าง ซื้อ จัดหา ขาย จำหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง แลกเปลี่ยน โอน รับโอน หรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน ทั้งในและนอกราชอาณาจักร ตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
(๒) สำรวจ วางแผน และพัฒนาแหล่งน้ำดิบ ตลอดจนจัดให้ได้มาซึ่งน้ำดิบ
(๓) สำรวจ วางแผน และสร้างระบบการผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา
(๔) กำหนดราคาจำหน่ายน้ำประปา อัตราค่าบริการ ค่าเครื่องอุปกรณ์ และค่าสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนวิธีการและเงื่อนไขในการชำระราคาและค่าตอบแทนดังกล่าว
(๕) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้น้ำประปา เพื่อประโยชน์ในการให้บริการสาธารณูปโภค
(๖) กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการใช้และบำรุงรักษาทรัพย์สินของ กปภ.
(๗) กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(๘) ให้กู้หรือให้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แก่การประกอบและส่งเสริมธุรกิจของ กปภ.
(๙) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
(๑๐) ถือหุ้นหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์แก่การประกอบและส่งเสริมธุรกิจของ กปภ.
18. “คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค” มีกี่คน
ก. 12 คน ค. 10 คน
ข. 11 คน ง. 13 คน
ตอบ ข. 11 คน
มาตรา ๑๒ ให้ มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค” ประกอบด้วยประธานกรรมการ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง* อธิบดีกรมอนามัย ผู้ว่าการ และกรรมการอื่นอีกไม่เกินเจ็ดคน เป็นกรรมการ
19. “คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค” มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 4 ปี ค. 2 ปี
ข. 3 ปี ง. 1 ปี
ตอบ ข.3 ปี
มาตรา ๑๕ ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
20. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของ“คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค”
ก. กำหนดราคาจำหน่ายน้ำประปาและอัตราค่าบริการ ตลอดจนวิธีการและเงื่อนไขในการชำระราคาและค่าบริการ
ข. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้น้ำประปา เพื่อประโยชน์ในการให้บริการสาธารณูปโภค
ค. วางข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติงานของผู้ว่าการ และการมอบให้ผู้อื่นปฏิบัติงานแทนผู้ว่าการ
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๗ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลทั่วไปซึ่งกิจการของ กปภ. อำนาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑) วางข้อบังคับเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา ๕ และมาตรา ๗
(๒) วางข้อบังคับว่าด้วยการประชุม และการดำเนินกิจการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ
(๓) วางข้อบังคับว่าด้วยการจัดแบ่งส่วนงานของ กปภ. และวางข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานต่าง ๆ ของ กปภ.
(๔) วางข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติงานของผู้ว่าการ และการมอบให้ผู้อื่นปฏิบัติงานแทนผู้ว่าการ
(๕) วางข้อบังคับกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินอื่น ๆ ของพนักงานและลูกจ้าง
(๖) วางข้อบังคับว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือค่าจ้าง การถอดถอน ระเบียบวินัย การลงโทษและการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
(๗) วางข้อบังคับว่าด้วยการร้องทุกข์ของพนักงานและลูกจ้าง
(๘) วางข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของ พนักงานและลูกจ้างและครอบครัว โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
(๙) วางข้อบังคับว่าด้วยการจ่ายค่าพาหนะ เบี้ยเลี้ยงเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่าทำงานล่วงเวลา เบี้ยประชุม และการจ่ายเงินอื่น ๆ
(๑๐) วางข้อบังคับว่าด้วยเครื่องแบบพนักงานและลูกจ้าง
(๑๑) กำหนดราคาจำหน่ายน้ำประปาและอัตราค่าบริการ ตลอดจนวิธีการและเงื่อนไขในการชำระราคาและค่าบริการ
(๑๒) วางข้อบังคับเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของ กปภ.
21. มติของคณะกรรมการให้ผู้ว่าการออกจากตำแหน่งต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าเท่าใด
ก. 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่อยู่ในตำแหน่ง
ข. 1ใน 4 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่อยู่ในตำแหน่ง
ค. 3 ใน 4 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่อยู่ในตำแหน่ง
ง. 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่อยู่ในตำแหน่ง
ตอบ ค. 3 ใน 4 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่อยู่ในตำแหน่ง
มาตรา ๒๑ ผู้ว่าการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) คณะกรรมการมีมติให้ออก
(๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๕) ขาดการประชุมคณะกรรมการเกินสองครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร
(๖) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๐
มติ ของคณะกรรมการให้ผู้ว่าการออกจากตำแหน่งตาม (๓) ต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่อยู่ ในตำแหน่ง นอกจากผู้ว่าการ และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
22. ข้อใดคืออำนาจของผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค
ก. บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัย พนักงานและลูกจ้าง
ข. กำหนด เงื่อนไขในการทำงานของพนักงานและลูกจ้าง และออกระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติงานของ กปภ. โดยไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
ค. ให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่งตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๒๓ ผู้ว่าการมีอำนาจ
(๑) บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัย พนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่งตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างชั้นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อำนวยการฝ่าย หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไป จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน
(๒) กำหนดเงื่อนไขในการทำงานของพนักงานและลูกจ้าง และออกระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติงานของ กปภ. โดยไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
23. เพื่อประโยชน์ในการสร้างและบำรุงรักษาระบบการผลิต การส่งและการจำหน่ายน้ำประปาพนักงานและลูกจ้างมีอำนาจใช้สอยหรือเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมิใช่ที่อยู่อาศัยของบุคคลใด ๆ เป็นการชั่วคราวภายใต้เงื่อนไขใด
ก. การใช้สอยหรือครอบครองนั้นเป็นการจำเป็นสำหรับการสำรวจเพื่อสร้างหรือบำรุงรักษาระบบการผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา
ข. การใช้สอยหรือครอบครองนั้นเป็นการจำเป็นสำหรับการป้องกันอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดแก่ระบบการผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา
ค. กปภ. ได้บอกกล่าวให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบล่วงหน้าแล้วโดย แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบภายในเวลาอัน สมควรแต่ต้องไม่น้อยกว่า 7 วัน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
24. ในการผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา ใครมีอำนาจ เดินท่อน้ำและติดตั้งอุปกรณ์ไปใต้ เหนือ ตาม หรือข้ามพื้นดินของบุคคลใด ๆ ในเมื่อที่ดินนั้นมิใช่ที่ตั้งโรงเรือนสำหรับอยู่อาศัย
ก. กปภ. ค. ลูกจ้างของการประปาส่วนภูมิภาค
ข. คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ก. กปภ.
มาตรา ๓๐ ใน การผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา ให้ กปภ. มีอำนาจเดินท่อน้ำและติดตั้งอุปกรณ์ไปใต้ เหนือ ตาม หรือข้ามพื้นดินของบุคคลใด ๆ ในเมื่อที่ดินนั้นมิใช่ที่ตั้งโรงเรือนสำหรับอยู่อาศัย
ให้ กปภ. มีอำนาจกำหนดบริเวณที่ดินที่เดินท่อน้ำและติดตั้งอุปกรณ์โดยมีความกว้างจาก ท่อน้ำด้านละไม่เกินสองเมตรห้าสิบเซนติเมตรสำหรับท่อน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์ กลางตั้งแต่แปดสิบเซนติเมตรขึ้นไป และให้ กปภ. ทำเครื่องหมายแสดงเขตไว้ในบริเวณดังกล่าวตามระเบียบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
ใน บริเวณที่กำหนดตามวรรคสอง ให้ กปภ. มีอำนาจรื้อถอนสิ่งที่สร้างหรือทำขึ้น หรือตัดฟัน ต้น กิ่ง หรือรากของต้นไม้ หรือพืชผลอย่างใด ๆ ได้โดยต้องจ่ายค่าทดแทนในการที่ใช้ที่ดิน และในการรื้อถอนหรือตัดฟัน แล้วแต่กรณี ให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองด้วยจำนวนเงินอันเป็นธรรม เว้นแต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองเป็นผู้ได้รับประโยชน์คุ้มค่าในการกระทำนั้น อยู่ด้วย ในกรณีที่ไม่สามารถตกลงกันได้ในจำนวนเงินค่าทดแทน ให้นำมาตรา ๒๙ วรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
เมื่อ ได้มีการชดใช้ค่าทดแทนแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวแล้ว หรือเจ้าของ หรือผู้ครอบครองเต็มใจไม่รับหรือไม่มีสิทธิรับค่าทดแทน ต่อไปจะเรียกร้องค่าทดแทนอีกมิได้
ก่อน ที่จะดำเนินการดังกล่าวข้างต้น ให้ กปภ. แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทราบ และให้นำมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๒) มาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินนั้นอาจยื่นคำร้องแสดงเหตุที่ไม่สมควรทำ เช่นนั้นไปยังคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ หนังสือแจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด
25. กปภ. มีอำนาจกำหนดบริเวณที่ดินที่เดินท่อน้ำและติดตั้งอุปกรณ์โดยมีความกว้างจากท่อน้ำด้านละไม่เกิน 2.50 เซนติเมตร สำหรับท่อน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่กี่เซนติเมตรขึ้นไป
ก. 50 เซนติเมตรขึ้นไป ค. 70 เซนติเมตรขึ้นไป
ข. 60 เซนติเมตรขึ้นไป ง. 80 เซนติเมตรขึ้นไป
ตอบ ง. 80 เซนติเมตรขึ้นไป
ให้ กปภ. มีอำนาจกำหนดบริเวณที่ดินที่เดินท่อน้ำและติดตั้งอุปกรณ์โดยมีความกว้างจาก ท่อน้ำด้านละไม่เกินสองเมตรห้าสิบเซนติเมตรสำหรับท่อน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์ กลางตั้งแต่แปดสิบเซนติเมตรขึ้นไป และให้ กปภ. ทำเครื่องหมายแสดงเขตไว้ในบริเวณดังกล่าวตามระเบียบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
26. ในบริเวณ ที่กำหนดตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ปลูกต้นไม้ หรือกระทำการใด ๆ อันอาจทำให้เกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรคต่อระบบการผลิต การส่งและการจำหน่ายน้ำประปา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากใคร
ก. กปภ. ค. ลูกจ้างของการประปาส่วนภูมิภาค
ข. คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ก. กปภ.
มาตรา ๓๑ ใน บริเวณที่กำหนดตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ปลูกต้นไม้ หรือกระทำการใด ๆ อันอาจทำให้เกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรคต่อระบบการผลิต การส่งและการจำหน่ายน้ำประปา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจาก กปภ. เป็นหนังสือ ในการอนุญาตนั้นจะอนุญาตโดยมีเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยก็ได้ บรรดาโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ต้นไม้ หรือสิ่งอื่นใดที่ปลูกขึ้นหรือทำขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก กปภ. ให้ กปภ. มีอำนาจรื้อถอน ขนย้าย ตัดฟัน หรือกระทำการใด ๆ ได้ตามควรแก่กรณี โดยไม่จำต้องชดใช้ค่าเสียหาย และผู้ฝ่าฝืนต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการนั้นด้วย
27. ผู้ใดขัดขวางการกระทำของ กปภ. หรือพนักงานหรือลูกจ้าง ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ค. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๔ ผู้ ใดขัดขวางการกระทำของ กปภ. หรือพนักงานหรือลูกจ้างซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๑ หรือมาตรา ๓๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
28. พนักงานและลูกจ้างมีสิทธิร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ได้ ตามข้อบังคับที่ใครกำหนด
ก. กปภ. ค. ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค
ข. คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ข. คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค
มาตรา ๓๕ พนักงานและลูกจ้างมีสิทธิร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ได้ ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
29. กปภ. ต้องจัดทำงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนส่งผู้สอบบัญชีภายในเวลากี่วัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชี
ก. 120 วัน ค. 180 วัน
ข. 150 วัน ง. 90 วัน
ตอบ ก. 120 วัน
มาตรา ๔๑ กปภ. ต้องจัดทำงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนส่งผู้สอบบัญชีภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
30. ทุกปีใครเป็นผู้สอบบัญชีทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของ กปภ.
ก. สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ค. สำนักงบประมาณ
ข. กระทรวงมหาดไทย ง. กรมสรรพากร
ตอบ ก. สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
มาตรา ๔๒ ทุกปีให้สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของ กปภ.
31. ผู้สอบบัญชีต้องทำรายงานผลการสอบบัญชีและการเงินเสนอต่อคณะกรรมการภายในกี่วัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชีเพื่อคณะกรรมการเสนอต่อรัฐมนตรี
ก. 120 วัน ค. 180 วัน
ข. 150 วัน ง. 90 วัน
มาตรา ๔๔ ผู้ สอบบัญชีต้องทำรายงานผลการสอบบัญชีและการเงินเสนอต่อคณะกรรมการภายในหนึ่ง ร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีเพื่อคณะกรรมการเสนอต่อรัฐมนตรี
32. กปภ. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการใดได้
ก. กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินห้าสิบล้านบาทหรือให้กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินห้าล้านบาท
ข. จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์อันมีราคาเกินห้าล้านบาท
ค. ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๔๘ กปภ. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการ ดังต่อไปนี้ได้
(๑) เพิ่มหรือลดทุน
(๒) กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินห้าสิบล้านบาทหรือให้กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินห้าล้านบาท
(๓) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
(๔) จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์อันมีราคาเกินห้าล้านบาท
(๕) ถือหุ้นหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์แก่การประกอบและส่งเสริมธุรกิจของ กปภ.