แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546
และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553
*********************************************
1. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 เป็นฉบับที่เท่าไร
ก. ฉบับที่ 1 ค. ฉบับที่ 3
ข. ฉบับที่ 2 ง. ฉบับที่ 4
ตอบ ข. ฉบับที่ 2
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓”
2. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 12 กรกฎาคม 2553 ค. 22 กรกฎาคม 2553
ข. 13 กรกฎาคม 2553 ง. 23 กรกฎาคม 2553
ตอบ ก. 12 กรกฎาคม 2553
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นปีที่ ๖๕ ในรัชกาลปัจจุบัน
3. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 เป็นปีที่เท่าไรในรัชกาลปัจจุบัน
ก. 22 ค. 56
ข. 23 ง. 65
ตอบ ง. 65 ( ดูคำอธิบายข้อ 2 )
4. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันใด
ก. 12 กรกฎาคม 2553 ค. 22 กรกฎาคม 2553
ข. 13 กรกฎาคม 2553 ง. 23 กรกฎาคม 2553
ตอบ ค. 22 กรกฎาคม 2553
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เล่ม ๑๒๗ ตอนที่ ๔๕ ก
5. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ใช้บังคับวันใด
ก. 13 กรกฎาคม 2553 ค. 23 กรกฎาคม 2553
ข. 14 กรกฎาคม 2553 ง. 24 กรกฎาคม 2553
ตอบ ค. 23 กรกฎาคม 2553
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
6. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 มีกี่มาตรา
ก. 6 ค. 7
ข. 5 ง. 4
ตอบ ก. 6
7. ใครเป็นผู้รักษาการ ตาม พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553
ก. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรี
ข. รองนายกรัฐมนตรี ง. ปลัดกระทรวง
ตอบ ค. รัฐมนตรี
มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
8. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 คือใคร
ก. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรี
ข. รองนายกรัฐมนตรี ง. เลขาธิการ
ตอบ ก. นายกรัฐมนตรี
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
9. ให้ตรา พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ตามข้อใด
ก. คำแนะนำของรัฐสภา ค. คำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ข. คำยินยอมของรัฐสภา ง. คำแนะนำและยินยอมของสภาการศึกษา
ตอบ ค. คำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
10. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 มีผลใช้บังคับวันใด
ก. วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. ครบกำหนดเก้าสิบวันหลังวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. ครบกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันหลังจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
11. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ยกเลิก มาตราใดใน พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546
ก. มาตรา 33 ค. มาตรา 37
ข. มาตรา 35 ง. มาตรา 39
ตอบ ก. มาตรา 33
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๓๓ การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษาโดยคำนึงถึงระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวนสถานศึกษา จำนวนประชากร วัฒนธรรมและความเหมาะสมด้านอื่นด้วย เว้นแต่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศึกษาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
ในกรณีที่สถานศึกษาใดจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาการกำหนดให้สถานศึกษาแห่งนั้นอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษาใด ให้ยึดระดับการศึกษาของสถานศึกษานั้นเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษาหรือมีเหตุผลความจำเป็นอย่างอื่นตามสภาพการจัดการศึกษาบางประเภท คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอาจประกาศกำหนดให้ขยายการบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานของเขตพื้นที่การศึกษาหนึ่งไปในเขตพื้นที่การศึกษาอื่นได้”
12. การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดตามข้อใด
ก. ประกาศคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. ยึดกฎกระทรวง
ค. ยึดระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. เขตพื้นที่การศึกษา
ตอบ ง. เขตพื้นที่การศึกษา
13. ใครเป็นผู้มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่มัธยมศึกษา
ก. ปลัดกระทรวงตามคำแนะนำของสภาการศึกษา
ข. รัฐมนตรีตามคำแนะนำของสภาการศึกษา
ค. รัฐมนตรีตามคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. เลขาธิการตามคำแนะนำสภาการศึกษา
ตอบ ข. รัฐมนตรีตามคำแนะนำของสภาการศึกษา
มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อกำหนดหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาสำหรับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน
นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
14. กรณีที่สถานศึกษาใดจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้ยึดตามข้อใดในการอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษา
ก. เป้าหมายการจัดการศึกษา ค. ระดับการศึกษาของสถานศึกษา
ข. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ง. ที่ตั้งของสถานศึกษา
ตอบ ค. ระดับการศึกษาของสถานศึกษา
15. การดำเนินการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวกับสถานศึกษาเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเขตพื้นที่การศึกษาใดให้เป็นไปตามข้อใด
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกำหนดโดยคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. เลขาธิการคณะกรรมกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. เลขาธิการคณะกรรมกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดโดยคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตอบ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
16. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาสำหรับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่มัธยมศึกษาต้องทำให้แล้วเสร็จตามข้อใด
ก. 90 วัน ค. 90 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใช้
ข. 180 วัน ง. 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ตอบ ง. 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ( ดูคำอธิบายข้อ 13 )
17. ข้อใด ไม่ใช่ เหตุผลในการประกาศใช้ พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553
ก. ความไม่คล่องตัวในการบริหารราชการ
ข. ให้การบริหารการศึกษามีประสิทธิภาพ
ค. ให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
ง. ให้การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิผล
ตอบ ง. ให้การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิผล
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การจัดระเบียบบริหารราชการในเขตพื้นที่การศึกษากำหนดให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาประกอบด้วยการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ซึ่งมีการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานรวมอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ทำให้เกิดความไม่คล่องตัวในการบริหารราชการ สมควรแยกเขตพื้นที่การศึกษาออกเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เพื่อให้การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการพัฒนาการศึกษาแก่นักเรียนในช่วงชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้สัมฤทธิผลและมีคุณภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
1.
2.
18. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 เกิดจากกฏหมายในข้อใด
ก. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
ข. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540
ค. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
ง. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545
ตอบ ก. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
19. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ. 2546 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 1 กรกฏาคม 2546 ค. 7 กรกฏาคม 2546
ข. 6 กรกฏาคม 2546 ง. 8 กรกฏาคม 2546
ตอบ ข. 6 กรกฏาคม 2546
20. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ. 2546 มีผลบังคับใช้วันใด
ก. 1 กรกฏาคม 2546 ค. 7 กรกฏาคม 2546
ข. 6 กรกฏาคม 2546 ง. 8 กรกฏาคม 2546
ตอบ ค.7 กรกฏาคม 2546
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
21. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 มีกี่หมวดและกี่มาตรา
ก. 4 หมวด 1 บทเฉพาะกาล
ข. 5 หมวด 1 บทเฉพาะกาล
ค. 5 หมวด 82 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ง. 5 หมวด 1 บทเฉพาะกาล รวม 82 มาตรา
ตอบ ง.5 หมวด 1 บทเฉพาะกาล รวม 82 มาตรา
หมวด ๑ การจัดระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
หมวด ๒ การจัดระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา
หมวด ๓ การจัดระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
หมวด ๔ การปฏิบัติราชการแทน
หมวด ๕ การรักษาราชการแทน
22. ข้อใด ไม่ใช่ การจัดระเบียบบริหาราชการกระทรวงศึกษาธิการ
ก. ระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
ข. ระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา
ค. ระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล
ง. ระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
ตอบ ค. ระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล
มาตรา ๖ ให้จัดระเบียบราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
(๑) ระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
(๒) ระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา
(๓) ระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
23. การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางในกระทรวงศึกษาธิการมีกี่ส่วนราชการ
ก. 6 ส่วนราชการ ค. 4 ส่วนราชการ
ข. 5 ส่วนราชการ ง. 3 ส่วนราชการ
ตอบ ก. 6 ส่วนราชการ
มาตรา ๑๐ การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
(๑) สำนักงานรัฐมนตรี
(๒) สำนักงานปลัดกระทรวง
(๓) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
(๔) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(๕) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
(๖) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ส่วนราชการตาม (๒) (๓) (๔) (๕) และ (๖) มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมตามกฎหมายว่า
ด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
24. ข้อใดไม่มีฐานะเป็นกรมในกระทรวงศึกษาธิการ
ก. สำนักงานปลัดกระทรวง ค. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
ข. สำนักงานรัฐมนตรี ง. มีฐานะเป็นกรมทั้ง ก ข และ ค
ตอบ ข. สำนักงานรัฐมนตรี ( ดูคำอธิบายข้อ 23 )
25. การแบ่งส่วนราชการภายในส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ ต้องทำเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชกฤษฎีกา
ข. ประกาศกระทรวง
ค. กฏกระทรวง
ง. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตอบ ค. กฏกระทรวง
มาตรา ๑๑ การแบ่งส่วนราชการภายในส่วนราชการตามมาตรา ๑๐ ให้ออกเป็นกฎกระทรวงและให้ระบุอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการดังกล่าว
26. เลขาธิการ กพฐ.คนปัจุจบันชื่อว่าอะไร
ก. นายกมล รอดคล้าย ค. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
ข. ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน ง. ดร.อภิชาติ จีระวุฒิ
ตอบ ง. ดร.อภิชาติ จีระวุฒิ
ดร.อภิชาติ จีระวุฒิ เป็นเลขาธิการ สพฐ. (เลขาธิการ กพฐ.) พ.ศ. 2556 – ปัจจุบัน
27. เลขาธิการ กพฐ. เป็นหัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อผู้ใด
ก. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ง. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ข.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
28. ข้อใดคือหน้าที่ของสภาการศึกษา
ก. พิจารณาเสนอนโยบายและแผนในการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา
ข. ให้ความเห็นหรือคำแนะนำในเรื่องกฎหมายและกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับการศึกษา
ค. พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติที่บูรณาการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬากับการศึกษาทุกระดับ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๔ ให้มีสภาการศึกษา มีหน้าที่
(๑) พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติที่บูรณาการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬากับการศึกษาทุกระดับ
(๒) พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษาให้ดำเนินการเป็นไปตามแผนตาม (๑)
(๓) พิจารณาเสนอนโยบายและแผนในการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา
(๔) ดำเนินการประเมินผลการจัดการศึกษาตาม (๑)
(๕) ให้ความเห็นหรือคำแนะนำในเรื่องกฎหมายและกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับการศึกษา
29. ข้อใดมีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนา มาตรฐาน และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ก. คณะกรรมการสภาการศึกษา ค. คณะกรรมการการอุดมศึกษา
ข. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ง. คณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ตอบ ข.คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรา ๑๕ ให้มีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนา มาตรฐาน และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเสนอแนะในการออกระเบียบ หลักเกณฑ์ และประกาศที่เกี่ยวกับการบริหารงานของสำนักงาน
30. สำนักงานปลัดกระทรวงมีอำนาจหน้าที่ใด
ก. ดำเนินการเกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของกระทรวงและราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานใดสำนักงานหนึ่งในสังกัดกระทรวงโดยเฉพาะ
ข. ประสานงานต่างๆ ในกระทรวง และดำเนินงานต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นงานที่ต้องปฏิบัติตามสายงานการบังคับบัญชาอันเป็นอำนาจหน้าที่ซึ่งจะต้องมีการกำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือกำหนดในกฎหมายอื่น
ค. จัดทำงบประมาณและแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง เร่งรัด ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการในกระทรวงให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
31. การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดสิ่งใด
ก. ครู ค. เขตพื้นที่การศึกษา
ข. นักเรียน ง. โรงเรียน
ตอบ ค. เขตพื้นที่การศึกษา
มาตรา ๓๓ การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึงปริมาณสถานศึกษา จำนวนประชากร วัฒนธรรม และความเหมาะสมด้านอื่นด้วย เว้นแต่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศึกษา
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่การศึกษา
ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์การจัดการศึกษาหรือมีเหตุผลความจำเป็นอย่างอื่นตามสภาพการจัดการศึกษาบางประเภท คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอาจประกาศกำหนดให้การให้บริการการศึกษาขั้นพื้นฐานของเขตพื้นที่การศึกษาใดสามารถขยายการบริการออกไปในเขตพื้นที่การศึกษาอื่นก็ได้
32. การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึงสิ่งใด
ก. ปริมาณสถานศึกษา ค. ความเหมาะสมด้านอื่น
ข. จำนวนประชากร วัฒนธรรม ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๓๓ การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึงปริมาณสถานศึกษา จำนวนประชากร วัฒนธรรม และความเหมาะสมด้านอื่นด้วย เว้นแต่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศึกษา
33. ใครเป็นคนลงนามประกาศเขตพื้นที่การศึกษา
ก. นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ง. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่การศึกษา
34. การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ต้องทำเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชกฤษฎีกา
ข. ประกาศกระทรวง
ค. กฏกระทรวง
ง. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตอบ ข. ประกาศกระทรวง
มาตรา ๓๔ ให้จัดระเบียบบริหารราชการของเขตพื้นที่การศึกษา ดังนี้
(๑) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๒) สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น
การแบ่งส่วนราชการภายในตาม (๑) ให้จัดทำเป็นประกาศกระทรวงและให้ระบุอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการไว้ในประกาศกระทรวง ทั้งนี้ โดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การแบ่งส่วนราชการภายในตาม (๒) และอำนาจหน้าที่ของสถานศึกษาหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาแต่ละเขตพื้นที่การศึกษากำหนด
การแบ่งส่วนราชการตามวรรคสองและวรรคสามให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง
35. การกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องทำเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชกฤษฎีกา
ข. ประกาศกระทรวง
ค. กฏกระทรวง
ง. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตอบ ค. กฏกระทรวง
36. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ก. รับผิดชอบในการพิจารณาแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาของสถานศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ข. อำนาจหน้าที่ในการพัฒนางานด้านวิชาการและจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาร่วมกับสถานศึกษา
ค. อำนาจหน้าที่ในการบริหารและการจัดการศึกษา และพัฒนาสาระของหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๓๗ ให้มีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อทำหน้าที่ในการดำเนินการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๓๖ และให้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น และมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) อำนาจหน้าที่ในการบริหารและการจัดการศึกษา และพัฒนาสาระของหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(๒) อำนาจหน้าที่ในการพัฒนางานด้านวิชาการและจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาร่วมกับสถานศึกษา
(๓) รับผิดชอบในการพิจารณาแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาของสถานศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๔) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด
37. อำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดกระทรวงศึกษาธิการได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในมาตราใด
ก. มาตรา 37 ค. มาตรา 39
ข. มาตรา 38 ง. มาตรา 40
ตอบ ค. มาตรา 39
มาตรา ๓๙ สถานศึกษาและส่วนราชการตามมาตรา ๓๔ (๒) มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการนั้นๆ โดยให้มีผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) บริหารกิจการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับของทางราชการและของสถานศึกษาหรือส่วนราชการ รวมทั้งนโยบายและวัตถุประสงค์ของสถานศึกษาหรือส่วนราชการ
(๒) ประสานการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา รวมทั้งควบคุมดูแลบุคลากร การเงิน การพัสดุ สถานที่ และทรัพย์สินอื่นของสถานศึกษาหรือส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการ
(๓) เป็นผู้แทนของสถานศึกษาหรือส่วนราชการในกิจการทั่วไป รวมทั้งการจัดทำนิติกรรมสัญญาในราชการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการตามวงเงินงบประมาณที่สถานศึกษาหรือส่วนราชการได้รับตามที่ได้รับมอบอำนาจ
(๔) จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับกิจการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
(๕) อำนาจหน้าที่ในการอนุมัติประกาศนียบัตรและวุฒิบัตรของสถานศึกษาให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด
(๖) ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวง เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งงานอื่นที่กระทรวงมอบหมาย
38. ข้อใดไม่เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก. บริหารกิจการของสถานศึกษาให้เป็นไปตามกฎหมาย/นโยบายและวัตถุประสงค์
ข. รับผิดชอบในการพิจารณาแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาของสถานศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ค. จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับกิจการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
ง. อนุมัติประกาศนียบัตรและวุฒิบัตรของสถานศึกษา
ตอบ ข. รับผิดชอบในการพิจารณาแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาของสถานศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
39. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ก. เสนอการจัดตั้ง ยุบ รวม ปรับปรุงและเลิกสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในสังกัดและสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในกำกับ
ข. เสนอแนะการจัดสรรเงินงบประมาณให้แก่สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาในสังกัด สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาในกำกับ และสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาต่อคณะรัฐมนตรี
ค. อำนาจหน้าที่ในการพัฒนางานด้านวิชาการและจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาร่วมกับสถานศึกษา
ง. วางระเบียบการปฏิบัติราชการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจการต่างๆ ร่วมกันของสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในสังกัดอันมิใช่กิจการของสถาบันแห่งหนึ่งแห่งใดโดยเฉพาะ
ตอบ ค. อำนาจหน้าที่ในการพัฒนางานด้านวิชาการและจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาร่วมกับสถานศึกษา
มาตรา ๔๑ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา ๔๐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแนะการจัดสรรเงินงบประมาณให้แก่สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาในสังกัด สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาในกำกับ และสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาต่อคณะรัฐมนตรี
(๒) ประสานงานจัดการศึกษาระหว่างสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในสังกัด สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในกำกับ สถานศึกษาเอกชนที่จัดการศึกษาระดับปริญญา และสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา
(๓) เสนอการจัดตั้ง ยุบ รวม ปรับปรุงและเลิกสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในสังกัดและสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในกำกับ
(๔) วางระเบียบการปฏิบัติราชการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจการต่างๆ ร่วมกันของสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในสังกัดอันมิใช่กิจการของสถาบันแห่งหนึ่งแห่งใดโดยเฉพาะ
40. คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยเรียกโดยย่อว่าอะไร
ก. ค.ม. ค. ก.ข.ม.
ข. ก.ม. ง. ข.ว.
ตอบ ข. ก.ม.
มาตรา ๔๒ ให้มีคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยเรียกโดยย่อว่า ก.ม.ทำหน้าที่เป็นองค์กรบริหารงานบุคคลสำหรับข้าราชการพลเรือนในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาในสังกัด ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการดังกล่าว
41. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนของผู้อำนวยการสถานศึกษา
ก. ต้องทำเป็นหนังสือ ค. ทำเป็นหนังสือหรือมอบด้วยวาจาก็ได้
ข. มอบด้วยวาจาก็ได้ ง. ถ้ามอบด้วยวาจาแล้วให้ทำเป็นหนังสือ
ตอบ ก. ต้องทำเป็นหนังสือ
มาตรา ๔๕ อำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการอื่นที่ผู้ดำรงตำแหน่งใดในพระราชบัญญัตินี้จะพึงปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องใด ถ้ากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งนั้น หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้น มิได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้เป็นอย่างอื่น หรือมิได้ห้ามเรื่องการมอบอำนาจไว้ ผู้ดำรงตำแหน่งนั้นอาจมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนได้ โดยคำนึงถึงความเป็นอิสระ การบริหารงานที่คล่องตัวในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาและของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่บัญญัติในมาตรา ๔๔ (๑) และ (๒) ดังต่อไปนี้
(๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอาจมอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวง เลขาธิการ หรือหัวหน้าส่วนราชการซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่าอธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาในสังกัด หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(๒) ปลัดกระทรวงอาจมอบอำนาจให้รองปลัดกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวงหรือเลขาธิการ อธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาในสังกัด หรือผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(๓) เลขาธิการอาจมอบอำนาจให้รองเลขาธิการ ผู้ช่วยเลขาธิการ อธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาในสังกัด ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(๔) ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารงาน หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าอาจมอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า
(๕) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า อาจมอบอำนาจให้ข้าราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นในเขตพื้นที่การศึกษาที่ตนรับผิดชอบได้ตามระเบียบที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด
(๖) ผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า อาจมอบอำนาจให้ข้าราชการในสถานศึกษาหรือในหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นได้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษากำหนด
(๗) ผู้ดำรงตำแหน่ง (๑) ถึง (๖) อาจมอบอำนาจให้บุคคลอื่นได้ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
การมอบอำนาจตามมาตรานี้ให้ทำเป็นหนังสือ
42. ข้อใดเป็นหลักการพิจารณาในการมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทน
ก. การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
ข. ความรวดเร็วในการปฏิบัติราชการ
ค. ความรับผิดชอบตามสภาพตำแหน่งของผู้รับมอบอำนาจ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
43. ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน
ก. เลขานุการรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ง. ปลัดกระทรวง
ตอบ ค. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา ๔๘ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
44. ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ถ้ามีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีหลายคน จะต้องดำเนินการอย่างไร
ก. ให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
ข. ให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทน
ค. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมายให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
ง. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
ตอบ ค. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมายให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา ๔๙ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีหลายคนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมายให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
45. ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ เป็นผู้รักษาราชการแทนปลัดกระทรวง จะต้องดำเนินการอย่างไร
ก. ให้รองปลัดกระทรวงคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
ข. ให้รองปลัดกระทรวงคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทน
ค. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งรองปลัดกระทรวงคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
ง. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าเลขาธิการหรือเทียบเท่าเป็นผู้รักษาราชการแทน
ตอบ ง. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าเลขาธิการหรือเทียบเท่าเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา ๕๐ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองปลัดกระทรวงหลายคน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งรองปลัดกระทรวงคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าเลขาธิการหรือเทียบเท่าเป็นผู้รักษาราชการแทน
46. ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน
ก. รองเลขาธิการ ค. ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี
ข. ปลัดกระทรวง ง. รองปลัดกระทรวง
ตอบ ก. รองเลขาธิการ
มาตรา ๕๑ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองเลขาธิการเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองเลขาธิการหลายคน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งรองเลขาธิการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งข้าราชการในสำนักงานซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่ารองเลขาธิการ หรือข้าราชการตำแหน่งเลขาธิการสำนักหรือผู้อำนวยการสำนักหรือเทียบเท่าขึ้นไปคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอาจแต่งตั้งข้าราชการคนหนึ่งซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองเลขาธิการหรือเทียบเท่ามาเป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้
47. ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน
ก. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ค. ผู้อำนวยการสถานศึกษา
ข. รองเลขาธิการ ง. รองผู้อำนวยการสำนัก
ตอบ ง. รองผู้อำนวยการสำนัก
มาตรา ๕๒ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองผู้อำนวยการสำนักเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองผู้อำนวยการสำนักหลายคน ให้ปลัดกระทรวงหรือเลขาธิการ แล้วแต่กรณี แต่งตั้งรองผู้อำนวยการสำนักคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนัก หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ปลัดกระทรวงหรือเลขาธิการแต่งตั้งข้าราชการในสำนักซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่ารองผู้อำนวยการสำนักคนหนึ่ง เป็นผู้รักษาราชการแทน ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนัก หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ปลัดกระทรวงหรือเลขาธิการ แล้วแต่กรณี แต่งตั้งข้าราชการในสำนักบริหารงานหรือสำนักซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่ารองผู้อำนวยการสำนักเป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้
48. ในกรณีที่ผู้อำนวยการสถานศึกษาไม่อยู่ แต่สถานศึกษาแห่งนั้นมีตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาหลายคน จะต้องดำเนินการอย่างไร
ก. ให้รองผู้อำนวยการสถานศึกษาคนใดคนหนึ่งปฏิบัติราชการแทน
ข. ให้รองผู้อำนวยการสถานศึกษาคนใดคนหนึ่งรักษาราชการแทน
ค. ให้ ผอ.สพท. แต่งตั้งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาคนใดคนหนึ่งปฏิบัติราชการแทน
ง. ให้ ผอ.สพท. แต่งตั้งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาคนใดคนหนึ่งรักษาราชการแทน
ตอบ ง. ให้ ผอ.สพท. แต่งตั้งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาคนใดคนหนึ่งรักษาราชการแทน
มาตรา ๕๔ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองผู้อำนวยการสถานศึกษารักษาราชการแทน ถ้ามีรองผู้อำนวยการสถานศึกษาหลายคน ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแต่งตั้งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาคนใดคนหนึ่งรักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแต่งตั้งข้าราชการในสถานศึกษาคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้
49. การแบ่งส่วนราชการของ สพฐ.ออกเป็นกลุ่มงานต้องดำเนินการตามข้อใด
ก. ทำเป็นประกาศ สพฐ.
ข. ทำเป็นประกาศ สพฐ. โดยความเห็นชอบของ กพฐ.
ค. ทำเป็นประกาศ สพท.
ง. ทำเป็นประกาศ สพฐ.โดยความเห็นชอบของ กพท.
ตอบ ง. ทำเป็นประกาศ สพฐ.โดยความเห็นชอบของ กพท.
50. ข้อใดกล่าวถูกเมื่อผู้อำนวยการสถานศึกษามอบอาจให้ข้าราชการปฏิบัติราชการแทนแล้ว
ก. ผู้มอบอำนาจมีหน้าที่กำกับติดตามผลการปฏิบัติงาน
ข. ผู้มอบอำนาจแนะนำการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบได้
ค. ผู้มอบอำนาจแก้ไขการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบได้
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ